37
เช้าของวันเสาร์ที่ 1 ก.ย. 2555 หลังจากอาหารเช้าที่เรียบง่ายแต่รสชาติแสนอร่อย ท้องฟ้าเปิดแลเห็นเงารางเลือนของความสว่างไสวที่ค่อย ๆ ทอทาบขึ้นบนฟากฟ้า คุณพ่อสกลนัดหมายเวลาเก้าโมงเช้าเพื่อออกไปทำให้ความตั้งใจของพวกเราไม่สูญเปล่า พ่อเสาร์และพ่อเกรียงจัดเตรียมเบ็ดตกปลาอีกครั้ง ผมหอบกล้องถ่ายรูปและขนมลงไปรอที่ท่าน้ำ เมื่อทุกอย่างและทุกคนมาพร้อมกัน เรากระโดดขึ้นเรือลำสีน้ำเงินขนาดกระทัดรัดมุ่งหน้าสู่เวิ้งน้ำที่อาจจะมีปลาตัวใหญ่ว่ายวนรอพวกเราอยู่ใต้นั้น
เรือเครื่องโดยการขับของคุณพ่อสกลนำพวกเราออกทยานไปข้างหน้า คลื่นน้อยใหญ่ถาโถมซัดเข้าหาเรือเป็นระลอก พ่อเกรียงนั่งถือคันเบ็ดสี่คันอยู่หน้าเรือ ผมนั่งยอง ๆ กอดกระเป๋ากล้องถ่ายรูปถัดมา พ่อเสาร์นั่งถืออุปกรณ์ตกปลาถัดไปเบื้องหลังและคุณพ่อสกลทำหน้าที่สารถีอยู่ที่ท้ายเรืออย่างทะมัดทะแมง
แต่เพียงไม่ถึงสามนาทีที่เรือเริ่มทะยานออกไป น้ำเริ่มซึมเข้าเรือจากด้านหน้า ผมใช้ที่ตักกวักน้ำออกจากเรือพลางส่งเสียงบอกคนข้างหลังว่าน้ำค่อย ๆ ซึมเข้าเรือ พ่อเกรียงที่นั่งอยู่หน้าสุดเริ่มส่งเสียงบอกว่าน้ำทะลักเข้ามาข้างหน้า พ่อเสาร์ขอที่วิดน้ำไปจ้วงน้ำที่กลางเรือออกอย่างขมักเขม้น ผมเริ่มใจไม่ดี จนเมื่อสารถีตัดสินใจตามคำเรียกร้องของสมาชิกให้เบนหัวเรือกลับเข้าตลิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด คลื่นยังคงซัดเข้าใส่เรือจนสัมผัสถึงแรงสั่น กลางเวิ้งน้ำที่กว้างใหญ่นั้น หัวเรือค่อย ๆ จมลง เสียงตะโกนบอกกันให้สละเรือ พวกเราแวกว่ายลอยคอเพื่อพยุงร่างให้พ้นจากแรงดึงดูด เรือถูกคว่ำและโคลงเคลงอยู่ปริ่มน้ำ ข้าวของกระจัดกระจาย หลายคนตัดสินใจทิ้งสัมภาระส่วนหนึ่งทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นคันเบ็ดคันละหมื่น รวมทั้งเครื่องยนต์ที่จมดิ่งลงสู่เบื้องล่างไปพักใหญ่อย่างสุดต้านทาน ชีวิตของเราทั้งสี่คนเหมือนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น