3 มีนาคม 2555

31 กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ

31
คุณเคยหลงรักใครแล้วไม่สามารถบอกให้เขารู้สิ่งที่อยู่ในใจบ้างมั้ย? น้ำเน่าดีเนอะ ยิ่งกว่าละครหลังข่าวซะอีก
แต่เรื่องของความรักเป็นธรรมชาติพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ปุถุชน  และคงไม่ต้องขอโทษอะไรที่ผมก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น รู้จักรัก รู้จักเกลียด ผิดหวัง สมหวัง
ตลอดระยะเวลาสามสิบปีในชีวิตคน ๆ หนึ่งเช่นผม น่าขำดีเนอะ ผมผ่านกระบวนการเก็บงำความในใจเช่นนี้มารอบแล้วรอบเล่า.. บางครั้งผมนอนร้องไห้ปลอบใจตนเองทั้งน้ำตา ทำไมชีวิตกรูมันต้องพบเจออะไรแบบนี้ด้วย ผมเหนื่อยกับความรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ไร้ค่าเพราะคนที่ผมหลงรักไม่เคยเห็นคุณค่าของผม หรืออาจเป็นเพราะคน ๆ นั้นไม่เคยรับรู้ความรู้สึกนั้นได้เลย  สมเพสตัวเองว่ะ ฮ่า ๆ ๆ สะใจดีจัง(โว้ย) ผมเฝ้าถามตัวเองว่า “หัวใจคนมันจะซับซ้อนได้มากมายอะไรขนาดน้านนนน...?
แต่ผมก็ยังอยากขอบคุณ..คนพิเศษทุก ๆ คนที่ผ่านเข้ามาในหัวใจของผม ทิ้งความทรงจำดี ๆ ระหว่างการเดินทางในชีวิตแต่ละก้าวที่สอนให้ผมเป็นคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มีหัวใจเพื่อจะรักใครเป็น..ขอบคุณจริงๆ


30 แย่งซีนคุณพ่อ

30
มิสซาปิดการเข้าเงียบประจำปีของชั้นปี 7 ที่สวนเจ็ดริน คุณพ่อมิเกลเป็นผู้นำการเข้าเงียบและเป็นประธานมิสซาในเย็นนั้น หลังจากการรับศีลมหาสนิทด้วยบรรยากาศชวนศรัทธา เพื่อนคนหนึ่งสะกิดเพื่อนอีกคนให้ลุกไปอ่าน “บทเพลงรับศีล” ในหนังสือมิสซาบนพระแท่น แทนการร้องเพลง
เพื่อนคนนี้ลุกออกไปหยิบหนังสือเล่มนั้นแล้วตั้งใจอ่านด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ “ให้เราภาวนา ข้าแต่พระเจ้า...”
เพื่อน ๆ กลั่นหัวเราะกันแทบไม่อยู่ ส่วนประธานมิสซาคงรู้สึกงง ๆ กับความน่ารักของบราเดอร์สามเณรใหญ่ท่านนี้ เพราะหลังจากนั้นท่านถามพวกเราว่า “แล้วพ่อต้องทำอย่างไรต่อไปดี” ก่อนที่ท่านจะประกาศปิดพิธีมิสซาในเย็นนั้นด้วยความชื่นบาน แน่นอน..มันกลายเป็นเรื่องอำที่มันที่สุดในช่วงเวลานั้น


29 ว่าที่พระสงฆ์มือใหม่

29
ชั่วโมงสุดท้าย เราซ้อมทำพิธีมิสซาต่อหน้าเพื่อนสังฆานุกร ความโชคดีพัดมาหาผม คุณพ่อจับสลากได้ชื่อผมเป็นคนแรก ขณะที่ในมือกำลังถือกล้องถ่ายรูปเตรียมจะเก็บภาพเพื่อน ๆ เอาว่ะ! ยอมเป็นหนูทดลอง ผมตอบรับในใจทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรกับเขาเลย
ปรากฏว่ากลายเป็นตัวตลกตัวแรกของกลุ่ม หลังจากเทเหล้าองุ่น(ปลอม)ผสมกับน้ำสองสามหยดลงในกาลิกซ์ ขณะที่ยกถ้วยชูขึ้น ปากกลับอ่านตามหนังสือมิสซา “ดั่งน้ำและเหล้าองุ่นที่ผสมเข้าด้วยกัน..”  พระอาจารย์ที่บอกว่าอย่าหัวเราะเพื่อนกลายเป็นคนที่หัวเราะดังที่สุด ทุกสายตาหันไปมองคุณพ่อ “พ่อ ๆ เงียบด้วย เงียบด้วย” คุณพ่อต้องปรี่ออกไปหัวเราะต่อด้านนอกวัด
กว่าโชว์ชุดนี้จะสิ้นสุด หนังหน้าของผมก็หนาขึ้นสองนิ้ว แต่ก็ยังดี เพราะเพื่อนบางคนถวายมิสซาด้วยมือที่สั่นๆๆๆ ...เหมือนโดนของ เรียกเสียงฮาได้สนั่น จนลืมไปว่ากำลังนั่งอยู่ในวัด..พระวิหารของพระเจ้า เจอหน้าพระอาจารย์ทีไร เป็นต้องแซวเรื่องมือสั่นทุกที


28 บนเส้นทางไปสู่งานอภิบาล

28
บ่ายวันเสาร์บนเส้นทางไปสู่งานอภิบาลที่วัดลูกแก
การเดินทางครั้งสุดท้ายของปีการศึกษา
ก่อนการสอบปลายภาคจะมาถึง..
บนรถเมล์สายพุทธมณฑล-กาญจนบุรี
ผมนั่งทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ข้างในเบาหวิว
สไลด์ภาพชีวิตผู้คนสองข้างทางเคลื่อนผ่านไปช้า ๆ
“โรงเรียนธีรศาสตร์ด้วยครับ” ผมบอกคนขับก่อนก้าวลงมาจากรถ สะพายกระเป๋าข้ามสะพานลอย
ท่ามกลางบรรยากาศยามบ่าย เป็นบ่ายที่เงียบสงัดจริง ๆ
และใจของผมก็เงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก
แม้จะมีคำตอบให้กับตนเอง แต่คำถามนั้นก็ยังวนเข้ามาในความคิด “นี่เรากำลังทำอะไรอยู่?
วันเวลาดำเนินผ่านไปเรื่อย ๆ  สิ่งใหม่ ๆ กำลังก้าวเข้ามา
แต่ใครอีกหลายคนกลับกำลังก้าวออกไปจากชีวิตของเราเช่นกัน


27 ขอบคุณครับพ่อ

27
คืนวันศุกร์ที่ 12 ก.พ. ผมได้มีโอกาสพบคุณพ่อที่ปรึกษาวิญญาณเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจบปีการศึกษา
คุณพ่อยังน่ารักเหมือนเดิม เปิดใจรับฟังและเลือกมองดูชีวิตในด้านดี  ไม่ว่าผมจะพยายามบอกว่าตนเองมีข้อบกพร่องอยู่มากแค่ไหน แต่คุณพ่อจะพยายามให้ผมมองดูส่วนที่ดีของตนเองที่มีมากกว่า(หรือเปล่า?) และขอบคุณพระเสมอ ๆ
คุณพ่อดีใจที่ได้รู้จักผมและยืนยันว่า “ปิติศักดิ์จะเป็นพระสงฆ์ที่ดีจริง ๆ” 
หลังจากการพูดคุยจบลง ผมยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องพัก คำพูดที่ว่า “ปิติศักดิ์จะเป็นพระสงฆ์ที่ดีจริง ๆ” ยังคงลอยวนอยู่ในความคิด น้ำตาของผมไหลออกมาเองโดยไม่ได้สั่ง
“พ่อครับ ทำไมพ่อจึงมั่นใจในตัวผมมากขนาดนั้น” คำตอบนั้นแว่วเข้ามา “เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยเหลือปิติศักดิ์เสมอ” ขอบคุณครับพ่อ หากวันนี้ผมยังเป็นพระสงฆ์ที่ดีอยู่


26 อย่าถือสาพวกผมนะ

26
แม้จะอยู่ชั้นปีเจ็ดแล้ว แต่เมื่อชายหนุ่มมาอยู่รวมกัน ก็อดไม่ได้ที่จะสาดมุขใส่กันให้ได้ฮา มุขสุภาพก็มีบ้าง  แต่หากคะนองปากก็อาจมีมุขทะลึ่งหลุด ๆ ออกมาบ้าง  อย่าถือโทษกันนะครับ มันเป็นความสนิทสนมของพวกเรา
เพื่อนคนหนึ่งชอบปล่อยมุขแปลก ๆ ในชั้นเรียน ชั่วโมงนั้น อาจารย์กำลังสอนเรื่องการโยนกำยาน อาจารย์ของเราคนนี้ก็ใช่ย่อย รับส่งและรู้ทันมุขแปลก ๆ ของเพื่อนผมไปหมด
ขณะที่อาจารย์เน้นว่า บราเดอร์ครับ..ระวังอย่าให้ระดับของมือที่กำปลายโซ่ของเต้ากำยานอยู่ต่ำเกินไป (ต่ำกว่าเข็มขัด) เพราะมันแลดูไม่สวยงามอย่างยิ่ง..พลางแสดงตัวอย่างการถือกำยานให้นักศึกษาดู  เพื่อนของผมคนนี้หลุดปากออกไปว่า “กำไข่!!!!!
เพื่อน ๆ ฮา อาจารย์ก็ฮา..แต่พอนึกขึ้นได้
“ตายแล้วววว...บราเดอร์  ซิสเตอร์นั่งอยู่ด้วยนะ!!!  ผมฮามากกว่าเดิมสิบเท่า ส่วนซิสเตอร์ผู้เยาว์สองท่านนั่งเงียบกริบ (ขออนุญาตไม่เอ่ยนามคณะ)


25 สถานที่พิเศษของผม

25
บนดาดฟ้าตึกเป็นสถานที่พิเศษสำหรับผม 
เวลาเช้า ผมวิ่งขึ้นมาชมดวงอาทิตย์ที่เริ่มจับขอบฟ้าอีกครั้ง บางวันมันแลดูเรืองรองอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
เวลาเย็น ผมขึ้นมาโบกมือลาแสงตะวัน หลังจากที่ดวงกลมโตสีแดงค่อย ๆ หลุบแสงลงช้า ๆ ที่ปลายขอบฟ้า
เวลาค่ำมืดของบางคืน ผมขึ้นมาปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึก มองแสงสีฟ้าจากกางเขนแสงธรรมที่งามเด่นเหนือแสงไฟที่ทอดยาวไปตามถนนเพชรเกษมมุ่งตรงไปสู่ความเป็นเมือง
บางคืน ผมยืนร้องไห้อยู่บนดาดฟ้า พยายามแสวงหาคำตอบให้กับคำถามมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต ชีวิตที่ถูกเรียกร้องและจำต้องเสียสละบางสิ่งเพื่อแลกกับบางสิ่ง
แสงสีฟ้าจากกางเขนแสงธรรมยังคงงามเด่น บางคืนผมได้รับคำตอบจากยอดหลังคาวัดแสงธรรมนั่นเอง


24 ประกวดโฟล์กซอง..วงกอไผ่

24
งานดนตรีสร้างสรรค์บทเพลงของแสงธรรม สมัยอยู่ปรัชญา ชั้นปีของเรากวาดรางวัลชนะเลิศมาได้สามครั้ง รางวัลชนะเลิศเพลงแต่งสองครั้ง.. เพื่อนเราเล่นดนตรีขั้นเทพ แถมยังมีนักร้องเสียงเหมือนพี่ปู พงษ์สิทธิ์ ..เด๊ะ ๆ เราใช้ชื่อวงดนตรีว่า..วงกอไผ่  กี่ปี ๆ ก็กอไผ่ เพราะมันอยู่รวมกันเป็นกอและพลิ้วไหวลู่ลม
วันเวลาผ่านไป เพื่อนเราโบกมือลาแยกทางออกไปเรื่อย ๆ บนเส้นทางแห่งสงฆ์..กลุ่มของเราเล็กลงเรื่อย ๆ
จนถึงชั้นปีเจ็ด เราเหลือแค่สิบสองคนเหมือนกลุ่มอัครสาวกที่ใครสักคนต้องยอมเป็นยูดาส อิสคารีโอท
ปีสุดท้าย วงกอไผ่ของเรากลายเป็น “ไผ่กอสุดท้าย” ที่นักดนตรีและนักร้องเปลี่ยนมือไป ไผ่กอสุดท้ายเปิดตัวอีกครั้งกับบทเพลง “เส้นทางสงฆ์” ที่แม้จะไม่ได้รับรางวัลชนะเลิศอีกเลย แต่บางคนเอ่ยคำขอบคุณที่บทเพลงนี้ให้ความหมายกับเขาในการติดตามพระคริสตเจ้า ..และนี่คือหน้าที่สุดท้ายที่วงกอไผ่ได้กระทำเพื่ออำลาตัวเองจากเวทีงานดนตรีสร้างสรรค์บทเพลงแสงธรรมไปอย่างสวยงาม..กลายเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ..สำหรับผม


23 อย่าลืมสิ่งที่สำคัญกว่า

23
ยอมรับอย่างจริงใจ ผมคาดหวังให้ชีวิตเจอแต่สิ่งดี ๆ เชื่อว่าทุกคนก็ปรารถนาเหมือนผม แต่สิ่งดี ๆ ของผมนี่มันค่อนข้างสูง และมักต้องอยู่เกินกว่ามาตรฐานของคนอื่น ๆ
เมื่อรู้ตัวอีกครั้งก็รู้สึกว่าตนเองเหนื่อยแล้ว เหนื่อยกับการต้องพยายามทำให้ทุกอย่างออกมาดีและประทับใจผู้คน
มองรอบ ๆ ข้าง เพื่อนยังอยู่กับเรานี่หว่า แล้วเราเอาเวลาที่ควรให้กับเพื่อนไปทำอะไรหมด? ผมตั้งใจว่าช่วงเวลาสุดท้ายในแสงธรรม จะเต็มที่กับเพื่อนไปเลย ให้เวลากับเพื่อนให้มากกว่าหกปีที่ผ่านมา
แต่..ไป ๆ มา ๆ ผมก็ทำได้แค่นั้น คงต้องขอโทษที่ทำหน้าที่เพื่อนได้ไม่ดีเท่าไร ..ซึ้งอีกแล้วว่ะเมิง..
แต่ดีใจนะที่พวกเรามาถึงศักดิ์สงฆ์ด้วยกัน มันไม่อ้างว้างเวลามีเพื่อน สำหรับผม เพื่อนคือแรงบันดาลใจพิเศษในทุก ๆ ครั้งที่พยายามจะลงมือทำอะไรสักอย่าง ขอบคุณว่ะเพื่อน  มุขขำ ๆ ที่ชอบเล่นกันคือ..ระวังให้ดี หากกรูบวชก่อนจะไปขยำหัวคนที่บวชทีหลัง (เวลาปกมือในงานบวช)


22 จุดเริ่มต้นของ Angelus

22
ผมแต่งเพลงแรกตอนอยู่ชั้นมัธยมสามที่บ้านเณรเล็ก จำชื่อเพลงไม่ได้แล้ว แต่เพื่อนคนหนึ่งให้ช่วยเขียนเนื้อร้อง เป็นเพลงที่พูดถึงชีวิตในบ้านเณรราชบุรี หากจำไม่ผิดก็ไพเราะดีเหมือนกันนะ..พูดแบบไม่อาย
จากนั้น ผมก็ฝึกแต่งเพลงเรื่อยมา ทั้ง ๆ ที่เล่นเครื่องดนตรีไม่เป็นเลยสักชิ้น ฮัม ๆ ทำนองเอา แล้วก็หาคำร้องมาใส่..เพลิน ๆ ดีเหมือนกัน
จนลาออกจากบ้านเณรเล็กไปแล้ว แต่ก็ยังแต่งเพลงอยู่เหมือนเดิม รวบรวมไว้ในสมุดบันทึกเป็นคอเล็กชั่น
จนกลับเข้าบ้านเณรเล็กอีกครั้ง สำนึกได้ว่าการแต่งเพลงเป็นพระพรของพระที่ประทานให้โดยมิได้ทูลขอ ตั้งใจเสมอมาว่าพระพรนี้จะใช้เพื่อคนอื่นโดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใด ๆ ..เพราะได้มาเปล่า ๆ จึงต้องให้กลับคืนไปเปล่า ๆ
ทุกวันนี้ ขอบคุณพระที่บทเพลงที่ผมแต่งได้เป็นที่รู้จัก ดีใจที่มีส่วนช่วยให้บางคนสัมผัสความรักของพระเจ้าผ่านทางบทเพลง ซึ่งก็มาจากการดลใจของพระองค์นั่นแหละ..ผมมั่นใจอย่างนั้น


2 มีนาคม 2555

21 แบบอย่างของความสุภาพ

21
วันนั้นเป็นวันอังคาร พวกเรากำลังเตรียมตัวเข้ารับพิธีแต่งตั้งเป็นผู้อ่านพระคัมภีร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ในวันนั้น พวกเรากำลังร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ชั้นปีห้าของผมมีหน้าที่ทำความสะอาดถนนหน้าวิทยาลัยแสงธรรม เราถอนหญ้าและกวาดดินโคลนที่เกาะแน่นพื้นถนน..เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ
และแล้วประกาศกก็นำข่าวมาแจ้งให้ทราบว่า..คุณพ่ออธิการของเรา..พระได้ยกท่านไปแล้ว  พ่อที่รักมากของเรา  ท่านนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลมานานแล้ว ไม่หายซักที ผมทำได้เพียงนิ่งเงียบและปล่อยให้ความวังเวงก่อตัวขึ้นในหัวใจ
สองวันต่อมา..พ่อของเราถูกนำกลับมายังบ้านของท่าน บ้านของเรา เราตั้งแถวรอรับท่าน รถยนต์ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านพวกเราไปยังหน้าวัดแสงธรรม บางคนร้องไห้ และฝนกำลังลงเม็ด ร่ำไห้ให้กับพ่อ แบบอย่างพระสงฆ์ผู้แสนสุภาพของผม และของพวกเราทุกคน พ่อครับ..หลับให้สบายนะครับและภาวนาให้ผมด้วย ผมอยากเป็นคนสุภาพเหมือนพ่อ


20 แสงธรรมและผองเพื่อน

20
“แสงธรรม” เป็นศูนย์รวมความทรงจำนานับประการของผม  ทุกซอกทุกมุมเต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ มากมาย..กับพี่น้อง ผองเพื่อนและใครต่อใคร
สมัยเป็นเณรกลาง มีโอกาสมาร่วมงานบวชพระสงฆ์กรุงเทพฯ ..ผมยืนจ้องมองกางเขนแสงธรรมเปล่งประกายแสงสีฟ้าจากยอดตึกบ้านเณรยอแซฟ..สวยงาม เปี่ยมความหมาย และท้าทายผมให้มุ่งไปให้ถึง..สักวัน
สี่ปีปรัชญา..ผมมีความสุขในการแสวงหาความหมายและการเผชิญหน้ากับความหลากหลายของชีวิตไปพร้อม ๆ กับเพื่อน
ช่วงเวลาปีฝึกงานอภิบาล..ผมเพลิดเพลินกับปีพักจนไม่ค่อยอยากกลับแสงธรรม ไม่อยากกลับไปนั่งเรียน
ช่วงเวลาสามปีของชั้นเทววิทยา แสงธรรมกลายเป็นความเคยชิน ความมีชีวิตชีวาแห่งวัยเยาว์เปลี่ยนเป็นความสุขุมและเตรียมพร้อม
เทอมสุดท้ายของชีวิตเณรในรั้วแสงธรรม ผมพยายามอย่างสุดกำลัง..ยื้อยุดฉุดกระชากให้วันเวลาผ่านไปให้ช้าที่สุด วันเวลาแห่งการแสวงหา บ่มเพาะ ฝึกปรือ รวมทั้งความทรงจำงดงามมากมาย..ขอบคุณครับ แสงธรรมและผองเพื่อน


19 ความสุขเล็ก ๆ ของผม

19
อาคารมารดาพระผู้ไถ่ เป็นอาคารอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่บ้านเณรใช้จัดงานบวชสังฆานุกรในเดือนสิงหาคมของทุกปี ถือเป็นงานประจำปีที่สมาชิกทุกคน ทั้งชื่นชมยินดี ทั้งตื่นเต้นมากที่สุดในรอบปี ไม่ว่าจะเป็นน้อง ๆ ปรัชญาที่กุลีกุจอจัดเตรียมงานช้างให้กับพี่ ๆ อย่างสุดฝีมือ หรือกับบรรดาพี่ ๆ เทววิทยาที่ถือเป็นพระเอกของงานเองก็ตาม
อาคารมารดา สำหรับผมมีความหมายมากกว่านั้น เพราะช่วงเวลาเย็น ๆ ผมมักมาออกกำลังกายที่นี่ เล่นแบดมินตัน หรือไม่ก็วิ่งรอบอาคาร ช่วงหลัง ๆ ผมมักมาวิ่งออกกำลังกายรอบอาคารเกือบทุกเย็นที่มีโอกาสจนกลายเป็นภาพชินตาของน้อง ๆ ไปแล้ว
คนข้างนอกคงนึกแปลกใจว่าเขา(มัน)เป็นใคร? ทำไมวิ่งธรรมดา ๆ แบบชาวบ้านชาวช่องเค้าไม่ได้ ทางให้วิ่งก็มี..ไม่วิ่ง
ใช่ครับ..ผมมันประเภทไม่ธรรมดา ผมใส่เสื้อแจ๊กเกตแขนยาวที่มีหมวกคลุมศีรษะ เอาหูฟังเอ็มพีสามยัดใส่หูไว้ข้างใน ก่อนจะทะยานไปรอบ ๆ อาคารมารดาฯ รอบแล้วรอบเล่า..ขาก็วิ่งไป หูก็ฟังเพลงไป สองตาแหงนมองท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนสี  จนหนำใจแล้วก็ปั่นจักรยานกลับตึก เท่านี้เอง..ความสุขเล็ก ๆ ของผม


18 ดีใจที่ได้คิดถึงอีกที

18
กีฬาสีแสงธรรมปีสุดท้ายของผมแล้ว เมื่อเช้าผมลงแข่งขันวอลเล่ย์บอลชาย
สมัยอยู่ชั้นปรัชญา ผมเต็มที่กับกีฬาสีทุกปี นอกจากลงแข่งขันกีฬาบางประเภทแล้ว ผมยังเป็นฝ่ายจัดเตรียมขบวนพาเรด รวมเพื่อน ๆ บราเดอร์ซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ หลายคนคงนึกภาพไม่ออกว่าทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่มีสมาชิกเป็นบราเดอร์ล้วน ๆ จะมีหน้าตาแบบไหน?  คงเก้ ๆ กัง ๆ พิลึก..
อย่างไรก็ตาม เราสนุกกันมากเพราะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ใครที่อยากแต่งตัวแปลก ๆ ฉีกความซ้ำซากจำเจ อยากขยับแข้งขยับขาตะโกนโหวกเหวกโวยวาย  กีฬาสีเปิดโอกาสให้เราสานฝันในส่วนลึกของหัวใจได้เต็มที่  แพ้ชนะเป็นเรื่องรอง สีสันของวิทยาลัยเผยแสดงในกิจกรรมกีฬาสีเกือบทั้งหมดมากกว่ากิจกรรมทุกอย่างรวมกัน
พอขึ้นชั้นเทววิทยา ทุกอย่างเข้าสู่ความสงบ ผมร่วมกิจกรรมด้วยความเข้าใจถึงความหมายของการเป็นหนึ่งเดียวกันกับสมาชิกทุกคน มิใช่ความโหด มัน ฮา เหมือนแต่ก่อน พี่เทววิทยากระจายอยู่ตามสีต่าง ๆ แต่เราก็มีความสุขกับการได้เปิดตัวเองสู่รุ่นน้อง..ผู้มาเฮฮาแทนที่เรา


17 บทเรียนแห่งความอุตสาหะ

17
บ้านดอนแจง คือบ้านพักที่พวกเราสามเณรเล็กช่วยกันสร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงและการนำของอธิการสิริพงษ์
เสาแถวหน้าต้นกลางผมเป็นคนขุดหลุมของมันเอง หยาดเหงื่อและสายตัวแทบขาดเป็นอย่างไรนั้น..ผมเข้าใจแล้ว
เราทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ กลายร่างเป็นกรรมกรใช้แรงงานกันไปแล้ว สามเณรกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าพลัดเวรกันมาออกแรงร่วมมือสร้างบ้านพักหลังนี้  หากใครสักคนไปฟ้องกรมแรงงาน อธิการของเราคงถูกจับฐานใช้แรงงานเด็กเยี่ยงทาส
แต่บ้านหลังนี้  อธิการตั้งใจให้เรามาใช้ชีวิตกลุ่มด้วยกัน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา กลับไปสู่รากเหง้า  ก่อไฟทำอาหาร  อาบน้ำในบ่อที่ขุดไว้  ใช้กระป๋องตักน้ำในบ่อมาใส่ห้องส้วม
แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่เรากลับรู้สึกขอบคุณคุณพ่ออธิการที่สอนบทเรียนแห่งความอุตสาหะ การออกแรงทำงาน การเป็นคนติดดิน การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ให้กับเรา..ด้วยความสำนึกในพระคุณของท่าน 

16 โดนหลอกกันทั่วหน้า

16
ตอนเรียนลูกเสืออยู่ชั้นมัธยมสาม เราไปเข้าค่ายฝึกกับทหารที่แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
วันหนึ่งครูฝึกบอกว่าจะพาพวกเราไปเล่นน้ำตก ลูกเสือเฮซะดังลั่น ต่างจัดเตรียมเสื้อผ้าไปเล่นน้ำ ไม่เว้นแม้แต่คุณครูสาวที่ตื่นเต้นไปกับนักเรียนด้วย
ครูฝึกนำพวกเราเดินทางเข้าป่า สำรวจเส้นทางธรรมชาติกันไปเรื่อย ๆ พยายามเก็บกลั่นอาการดีใจ เดินไปคุยกันไปสนุกสนาน พลางคอยฟังเสียงน้ำตกไหลซู่ซ่าที่รอเราอยู่
นานสองนานก็มาถึงเป้าหมาย เราพ้นจากป่าออกสู่แผ่นดินแห้ง อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เหลือน้ำอยู่ไม่ถึงสองกะละมังซักผ้า คือน้ำตกที่เราใฝ่ฝันจะมาเอิบอาบให้ฉ่ำอุรา  ลูกเสือหลายคนลงไปยืนที่ก้นอ่างมองตากับปริบ ๆ 
ผู้นำทางหายตัวไปทันที..และเรารู้ตัวว่าถูกครูฝึกหลอก
แต่เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นความทรงจำพิเศษที่ไม่ว่าครั้งใด เพื่อนเราฟื้นมาเล่าให้ฟัง..ความชื่นบานจะกลับมาทุกครั้ง

15 ประสบการณ์เย็บปาก

15
ผมเป็นสามเณรที่ดีหรือไม่? ..ตอบยาก
สมัยเป็นเณรเล็ก ผมโชคดีที่มีคนรักมากกว่าคนเกลียด
แต่ก็มีเณรบางคนที่ผมไม่ชอบหน้า ไม่ชอบบุคลิกที่เขาแสดงออก อาจเพราะเราไม่เคยพูดจาทำความรู้จักกันดีพอ
เวลาอาบน้ำของเย็นวันนั้น..ผมเพิ่งตัดผมและอาบน้ำเสร็จ กำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นเดียวกับสามเณรทุกคน
สมาชิกส่วนใหญ่ออกจากห้องนอนไปรวมตัวเพื่อจะลงไปทำวัตรเย็น..และผมกำลังเสร็จธุระของผม
เขาเดินผ่านเตียงผม..และเรามีปากเสียงกันเล็กน้อย เขาเลือกที่จะใช้กำลัง..และผมเป็นพวกไม่ยอมใคร
บทสรุปของละครตอนนี้.. ผมปากแตกเลือดอาบ เดินน้ำตาไหลด้วยความแค้นลงมาชั้นล่าง ประจานความบ้าบิ่นของตนเองให้โลกได้รับรู้..สะใจชะมัด
คืนนั้น..ครูเณรพาผมไปเย็บปากสี่เข็ม  ผมหาญกล้าเรียกเขามาเคลียร์กันเป็นการส่วนตัว..เขาเอ่ยขอโทษผม
วันรุ่งขึ้น ปากผมบวมยิ่งกว่าปากครุฑ ต้องขอลาหยุดเรียนไปสองวัน..รักษาปาก จนบัดนี้อาการยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่


14 บทเรียนแห่งมิตรภาพ

14
เมื่อครั้งเป็นเณรเล็ก เพื่อนเราสนิทกันมาก แม้จะหลากหลายสายพันธุ์ แต่เราเป็นหนึ่งเดียวกันได้
เมื่อครั้งอยู่มัธยมห้า เป็นวัยที่กำลังแสวงหาความตื่นเต้นให้กับชีวิต โดยเฉพาะเวลาอยู่ในรั้วบ้านเณร..ยิ่งสนุก
วันนั้นเป็นวันฉลองวัดในบางนกแขวก ผมได้รับเกียรติเป็นผู้นำคณะนักขับร้องในพิธีมิสซา  หลังฉลองวัดเราไปเที่ยวบ้านพระสังฆราชสิริพงษ์..อธิการที่เคารพรักของพวกเรา
บ้านพระคุณเจ้าอยู่ติดคลอง  เณรส่วนใหญ่และผมดำผุดดำว่ายอย่างกับไม่เคยเห็นคลองมาก่อนในชีวิต ส่วนที่เหลือเลือกนั่งดูโทรทัศน์ในบ้าน
หลังจากการไปเที่ยวบ้านอธิการของเรา  ปรากฏว่าบรั่นดีที่วางไว้ในตู้โชว์หายไป..เหลือแต่กล่องไว้ดูต่างหน้า
เพื่อนเราเรียกประชุมชั้นทันที วิธีการหลากหลายถูกนำเสนอเพื่อปกป้องกันและกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช
แต่หลังจากนั้นไม่นาน..เราสูญเสียเพื่อนรักไปหนึ่งคน และเรียนรู้คุณค่าของความเป็นเพื่อนมากขึ้น


13 น้ำจิ้มของชีวิต

13
เมื่อตอนอยู่ปีพัก ได้ไปชิมลางเป็นผู้ให้การอบรมในบ้านเณรเล็กหนึ่งเทอม
เย็นวันหนึ่ง สามเณรจอมแสบขอท้าบราเดอร์จอมซ่าเล่นมวยปล้ำ
ผมตกลงใจใช้สนามบาสเป็นเวทีการแสดงสดเพื่อเรียกความหึกเหิมเข้ามาสิงสู่
การประลองกำลังของเราดำเนินไปอย่างเมามัน  ที่สุด บราเดอร์กระโดดขึ้นค่อมสามเณรที่นอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นสนามปากร้องตะโกนให้เพื่อนร่วมแก็งค์มาช่วยกันยำบราเดอร์
คุณพ่อรองอธิการวิ่งเข้าไปหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาเก็บภาพข่าวร้อนแรงของพระศาสนจักร..สามเณรหลายคนวิ่งกรูเข้ามาให้ความสนใจ
ยิ่งได้ยินเสียงเชียร์ ความดิบเถื่อนของบราเดอร์ยิ่งทะลุเพดาน นี่ล่ะมั้ง ความเข้าใจยากของคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่ผมกลับขนานนามมันว่า..น้ำจิ้มของชีวิต


12 คุณค่าของความรัก

12
โชคดีจัง ผมเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ทั้งเพื่อนรัก เพื่อนแค้น
แต่สารภาพว่าเพื่อนสนิทจริง ๆ มีอยู่ไม่กี่คน
สมัยอยู่บ้านเณรเล็กมีเพื่อนคนหนึ่งถึงกลับร้องไห้ขอเป็นเพื่อนสนิทของผม ผมไม่อยากเชื่อว่าจะมีเพื่อนผู้ชายคนไหนจริงใจกับผมถึงขนาดนั้น..ผมยังคิดถึงเขาอยู่เสมอ
บนเส้นทางชีวิตแต่ละขั้นแต่ละตอนแต่ละแง่มุม มีผู้คนมากมายเดินผ่านเข้ามาในชีวิตของผม ทั้งหญิงและชาย ทั้งคนที่รักผมแต่ผมไม่ค่อยได้สนใจ กับคนที่ผมรักแต่เขากลับไม่เคยรับรู้  แปลกนะ..แง่มุมของชีวิต และความซับซ้อนของหัวใจมนุษย์
หากคุณเป็นมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มองเห็นคุณค่าของความรัก
จงใช้ความพยายามสักนิด มองให้เห็นคนที่รักคุณ คนที่หวังดีกับคุณ โปรดอย่าดูถูกความรักใด ๆ ในโลก ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบใดก็ตาม
และกล้าเอ่ยปากบอกใครสักคนที่คุณรักว่า.. “ผมรักคุณ” “ฉันรักเธอ” “กรูรักเมิง”...และที่สุดของที่สุด คือ
“ลูกรักพระองค์ พระเจ้าข้า”


11 อย่าล้มเลิกความตั้งใจ

11
เมื่อก่อน ผมชอบวาดรูป รูปคน ธรรมชาติ รูปการ์ตูน ฯลฯ  เคยประกวดวาดรูปสมัยประถมแต่ตกรอบ
ต่อมาผมชอบฟังเพลง ร้องเพลง สมัยอยู่ประถมเป็นตัวแทนเพื่อนในชั้นประกวดร้องเพลง อ่านทำนองเสนาะ แต่ตกรอบ
โตขึ้นอีกหน่อย ผมยังชอบวาดรูป ฟังเพลง ร้องเพลง แต่งบทกลอนวันแม่ วันพ่อ วันลูกไปเรื่อย ๆ  เปื่อย ๆ
สมัยมัธยมปลายเคยแต่งบทกลอนวัยรุ่นส่งสำนักพิมพ์แต่ไม่ผ่าน  สมัยมัธยมหกได้เขียนบทความลงหนังสือวันนี้ที่บ้านเณรถูกวิจารณ์เละ
ทุกวันนี้สิ่งที่ทำได้ ทำอยู่และสุขใจที่ได้ทำ คือการแต่งเพลง เขียนหนังสือและถ่ายรูป แม้ไม่มีรางวัลใด ๆ มาการันตีผลงาน แต่อยากให้รู้ว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านการล้มมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้น อย่าล้มเลิกความตั้งใจ


10 เหมือนจะไร้เดียงสา

10
ในชีวิตของผม สารภาพว่าไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน มีแต่คนที่รู้สึกดีกับเขา แล้วเขารู้สึกดีกับผม
รู้สึกกันไปรู้สึกกันมา สุดท้ายก็ลาจากกัน ทิ้งให้ความรู้สึกดีดีมันฝังไว้ในความทรงจำแบบนั้น
สมัยอยู่โคราชเคยแอบชอบเพื่อนผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ประทับใจในความเป็นคุณหนูที่ดูหยิ่ง ๆ  แต่เธอเปิดใจกับผม ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนธรรมดามาก ๆ เซอสุดชีวิต
ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนักศึกษาแล้วที่เรา(ดูเหมือน)สนิทกัน เธอบอกผมว่า..เธอมีแฟนแล้วอยู่ต่างประเทศและผมตั้งใจแล้วว่าจะกลับเข้าบ้านเณร
เธอเขียนเฟรนด์ชิปให้ผมอย่างพิถีพิถัน(กว่าใคร)ผมเข้าใจอย่างนี้.. แม้ผมอยากเป็นมากกว่านั้น แต่เราก็เป็นได้เพียงเพื่อนกัน  ลาจากกันเมื่อภาคการศึกษาสุดท้ายจบลง และผมได้เริ่มต้นชีวิตเณรอีกครั้ง จนถึงวันนี้