40
เดือนหน้าผมจะกระพือปีกบินแล้ว ช่วงนี้สลวนอยู่กับการเตรียมภาษาและการรวบรวมเอกสาร วันนี้ผมเดินทางไปโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เพื่อตรวจสุขภาพ นำใบรับรองแพทย์ไปขอวีซ่าและขอทุน เอกสารต่าง ๆ เป็นเหมือนจิกซวอแต่ละตัวที่ต้องค่อย ๆ แสวงหารวบรวมมาสะสมไว้ให้พร้อม ครบถ้วนสมบูรณ์ เมื่อคืนผมจำเป็นต้องอดอาหารอดน้ำตั้งแต่สามทุ่ม สองทุ่มผมดื่มน้ำให้เต็มกระเพาะอาหารแล้วเริ่มต้นปิดทวารต่าง ๆ ซะ ปรากฏว่ามิสซาเช้า ผมลืมตัวซะสนิท ดื่มเหล้าองุ่นที่เหลือในกาลิกซ์ไปสองอึกใหญ่ ๆ ตามด้วยน้ำอีกหนึ่งอึกกว่า ๆ แล้วมานั่งนึกได้ พร้อมกับวิตกจริตว่าจะมีผลกับการตวรจเลือดตรวจฉี่(หมู)รึเปล่า? เจ็บใจในความขี้หลงขี้ลืมของตนเอง..อุตส่าห์อดอาหารมาตลอดทั้งคืน แต่ก็เอาวะ...ไม่ลองไม่รู้
ปรากฏว่าผลการตรวจไม่มีอะไรผิดปกติกับเหล้าองุ่นสองอึกนั้น นอกจากกราฟคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่หมอแผนกหัวใจเขียนลงไปว่าหัวใจโต และลักษณะกราฟคล้ายผู้ป่วยโรค Brugada syndrome หมออีกคนที่แจ้งผลการตรวจต้องเปิดกลูเกิลดูว่าโรคแปลก ๆ นี้คือโรคอะไร ปรากฏว่ามันคือ "โรคใหลตาย" มีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ซึ่งการวินิจฉัยนี้นำไปสู่การตรวจสอบหัวใจอย่างละเอียดอีกครั้ง ผมจำเป็นต้องเดินไปที่สถาบันหัวใจในอีกโซนหนึ่งของโรงพยาบาล อาจารย์หมอพูดคุยและตรวจสอบผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีกครั้ง รวมทั้งเอาหูฟังเสียงการเต้นของหัวใจ หมอบอกว่าได้ยินเสียง..ฟู่่ฟู่่..ข้างใน จึงแนะนำให้ทำ ECHO หรืออัลต้าซาวน์ข้างในดู ปรากฏว่าหมอไม่พบว่าหัวใจโต ผนังหัวใจก็ไม่หนา แต่น่าจะเกี่ยวข้องกับคอเรสตอรอลและสิ่งที่เป็นไปได้มาก ๆ ก็คือ ผนังหัวใจมีรูรั่วเล็ก ๆ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เป็นอันตราย แต่อนาคตเมื่อเรียนจบให้กลับมาตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งว่ารูรั่วนี้จะขยายตัวหรือไม่....?? อาจารย์หมอปลอบใจว่า "ตามการวินิจฉัยของหมอ หลวงพ่อไม่ได้เป็น Brugada syndrome แต่น่าจะเป็น Atrial septal defect มากกว่า...555+ เอาเถอะ ถ้าพระจะให้ไปเมื่อไหร่ ก็ต้องไปเมื่อนั้นแหละ หรือไม่จริง???
11 กันยายน 2555
4 กันยายน 2555
39 โทรศัพท์จากแม่
39
วันนี้ ขณะกำลังจะเริ่มเรียนภาษาอิตาเลียน เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าหนังสือดังขึ้น ผมขอโทษผู้สอนแล้วก้มลงพลิกหน้าจอ..แม่โทรมา
แม่โทรมาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ข่าวไม่ค่อยดีของลุก ลูกบอกแม่ว่าไม่มีอะไรมันผ่านไปแล้วด้วยดี แต่แม่บอกว่า มันผ่านไปแล้วก็จริง แต่สำหรับแม่มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว แต่แม่เป็นห่วงว่าลูกของแม่จะเป็นอย่างไร เพราะทุกวัน แม่พร่ำสวดขอให้ลูกมีกระแสเรียกที่มั่นคงและปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
แท้จริงแล้ว แม่อยากให้ลูกรู้ว่า ตอนนี้แม่ก็ไม่ค่อยสบายเช่นกัน แม่เลยคิดถึงลูก ในวันที่ชีวิตของแม่ค่อนข้างอ้างว้างและหลงเหลือคนรอบข้างอยู่ไม่กี่คน ในแต่ละวัน
เวลาที่แม่โทรหาผม แสดงว่าเป็นช่วงเวลาที่แม่ทนคิดถึงลูกไม่ไหวแล้วจริง ๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกบกพร่องในหน้าที่ที่สำคัญ ผมยังคงจำคำถามนั้นได้อยู่ ก่อนงานบวชพระสงฆ์ไม่กี่สัปดาห์ และก่อนที่แม่จะล้มป่วยจนเข้าโรงพยาบาล แม่ถามผมผ่านทางโทรศัพท์ว่า "เวลาที่ลูกบวชไปแล้ว ลูกจะยังเป็นลูกของแม่เหมือนเดิมหรีอเปล่า?? ยังกลับมาพักผ่อนที่บ้านได้มั้ย??"
เวลาที่เรากำลังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมายในชีวิต สาลวนกับร้อยพันกิจกรรมภายนอกที่ต้องสะสาง ยังมีคนสำคัญคนหนึ่งคิดถึงเราอยู่เสมอ รอว่าเมื่อไหร่จะได้พบกันสักที มันอาจยาวนานเกินไปสำหรับใครบางคน....!!!
วันนี้ ขณะกำลังจะเริ่มเรียนภาษาอิตาเลียน เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าหนังสือดังขึ้น ผมขอโทษผู้สอนแล้วก้มลงพลิกหน้าจอ..แม่โทรมา
แม่โทรมาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ข่าวไม่ค่อยดีของลุก ลูกบอกแม่ว่าไม่มีอะไรมันผ่านไปแล้วด้วยดี แต่แม่บอกว่า มันผ่านไปแล้วก็จริง แต่สำหรับแม่มันไม่ใช่แค่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว แต่แม่เป็นห่วงว่าลูกของแม่จะเป็นอย่างไร เพราะทุกวัน แม่พร่ำสวดขอให้ลูกมีกระแสเรียกที่มั่นคงและปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง
แท้จริงแล้ว แม่อยากให้ลูกรู้ว่า ตอนนี้แม่ก็ไม่ค่อยสบายเช่นกัน แม่เลยคิดถึงลูก ในวันที่ชีวิตของแม่ค่อนข้างอ้างว้างและหลงเหลือคนรอบข้างอยู่ไม่กี่คน ในแต่ละวัน
เวลาที่แม่โทรหาผม แสดงว่าเป็นช่วงเวลาที่แม่ทนคิดถึงลูกไม่ไหวแล้วจริง ๆ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกบกพร่องในหน้าที่ที่สำคัญ ผมยังคงจำคำถามนั้นได้อยู่ ก่อนงานบวชพระสงฆ์ไม่กี่สัปดาห์ และก่อนที่แม่จะล้มป่วยจนเข้าโรงพยาบาล แม่ถามผมผ่านทางโทรศัพท์ว่า "เวลาที่ลูกบวชไปแล้ว ลูกจะยังเป็นลูกของแม่เหมือนเดิมหรีอเปล่า?? ยังกลับมาพักผ่อนที่บ้านได้มั้ย??"
เวลาที่เรากำลังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมายในชีวิต สาลวนกับร้อยพันกิจกรรมภายนอกที่ต้องสะสาง ยังมีคนสำคัญคนหนึ่งคิดถึงเราอยู่เสมอ รอว่าเมื่อไหร่จะได้พบกันสักที มันอาจยาวนานเกินไปสำหรับใครบางคน....!!!
1 กันยายน 2555
38 ประสบการณ์เฉียดตาย_2
38
สี่ชีวิตแหวกว่ายอยู่กลางเวิ้งน้ำ ความหวาดหวั่นข้างในหัวใจค่อย ๆ จู่โจมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง คนที่มีสติดีที่สุดน่าจะเป็นคุณพ่อสกล เสียงตะโกนเรียนชาวบ้านที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนท่าน้ำไกลลิบ ๆ ออกไป ผมเหลือบตามองไปที่จุดเล็ก ๆ นั่น แต่ ณ วินาทีนี้ เรี่ยวแรงทั้งหมดถูกใช้เพื่อพยุงลมหายใจให้ไหลเวียนต่อไป ผมกอดกระเป๋ากล้องถายรูปไว้แนบอก ความรู้สึกข้างในบอกว่าเอาชีวิตให้รอดก่อน ส่วนกล้องถ่ายรูปพร้อมเลนส์ชุดละสี่หมื่นกว่า โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน ฯลฯ ยังรอการไว้อาลัยอยู่ภายหลัง หมดแล้ว หมดกัน ผมคิดในใจพร้อมทั้งขยับแขนขาต่อไป ใครคนหนึ่งบอกให้เราลอยคอแทนที่จะออกแรงว่ายเพื่อให้เสียพลังงานน้อยที่สุด เสียงตะโกนเรียกชาวบ้านยังดังต่อไป ไม่นานผมได้ยินเสียงสวรรค์ดังขึ้น "เรือกำลังมาแล้ว" โอ้พระเจ้า หากผมต้องลอยคอรอคอยต่อไปอีกสักสิบนาที ก็ไม่แน่ว่า จะได้ขึ้นไปยืนหรือนอนเรียงรายร่วมกับคนอื่น ๆ บนฝั่ง สักพัก เสียงเรือเครื่องเข้ามาใกล้ ๆ พวกเราค่อย ๆ ทะยอยกันขึ้นไปนั่งบนเรือด้วยอาการตื่นเต้นที่เปลี่ยนเป็นความโล่งใจระคนเหนื่อยอ่อน ข้าวของส่วนหนึ่งที่จมน้ำคงนึกน้อยใจพวกเราที่ทิ้งมันได้อย่างเลือดเย็น ส่วนที่ลอยน้ำได้ก็กระจัดกระจายไปรอบ ๆ รวมทั้งรองเท้าสองข้างของผมด้วย
เรือค่อย ๆ นำเราเข้าสู่ฝั่งอีกครั้ง ผมเชื่อว่าความรู้สึกหลากหลายกำลังถูกกักเก็บไว้ในหัวใจของเราทั้งสี่อย่างไม่อาจปกปิด สำหรับผม ผมรู้สึกว่าพระเจ้าช่วยเหลือเราที่รอดชีวิตมาได้ด้วยความบังเอิญที่มีชาวบ้านลงมาที่ท่าน้ำพอดี และแน่นอนเขาได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของพวกเรา และนอกจากความรู้สึกนั้น ผมอยากร่ำไห้ให้กับกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือที่สนนราคารวมกันเกือบครึ่งแสน บอกไม่ถูกจริง ๆ ว่าการมีชีวิตรอดกับการสูญเสียของรักราคาแพงไป อะไรทำให้ผมรู้สึกแย่กว่ากัน แต่แน่นอน ผมยังมีชีวิตอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ อีกสามชีวิต ชาวบ้านช่วยเราออกไปลากเรือที่คว่ำหน้าลอยคอกลับเข้าฝั่ง ผมได้รองเท้าแตะสองข้างคืน พวกเราต้องซื้อเครื่องยนต์คืนให้เจ้าของเรือ หลังจากเดินหมดแรงขึ้นมาถึงเรือน เราเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาผึ่งลมด้วยความเสียดาย ผมเข้าไปนอนในเต็นท์เคียงข้างพ่อเสาร์ หวังว่าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างจะเป็นเพียงฝันร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไป!!!
สี่ชีวิตแหวกว่ายอยู่กลางเวิ้งน้ำ ความหวาดหวั่นข้างในหัวใจค่อย ๆ จู่โจมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง คนที่มีสติดีที่สุดน่าจะเป็นคุณพ่อสกล เสียงตะโกนเรียนชาวบ้านที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนท่าน้ำไกลลิบ ๆ ออกไป ผมเหลือบตามองไปที่จุดเล็ก ๆ นั่น แต่ ณ วินาทีนี้ เรี่ยวแรงทั้งหมดถูกใช้เพื่อพยุงลมหายใจให้ไหลเวียนต่อไป ผมกอดกระเป๋ากล้องถายรูปไว้แนบอก ความรู้สึกข้างในบอกว่าเอาชีวิตให้รอดก่อน ส่วนกล้องถ่ายรูปพร้อมเลนส์ชุดละสี่หมื่นกว่า โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน ฯลฯ ยังรอการไว้อาลัยอยู่ภายหลัง หมดแล้ว หมดกัน ผมคิดในใจพร้อมทั้งขยับแขนขาต่อไป ใครคนหนึ่งบอกให้เราลอยคอแทนที่จะออกแรงว่ายเพื่อให้เสียพลังงานน้อยที่สุด เสียงตะโกนเรียกชาวบ้านยังดังต่อไป ไม่นานผมได้ยินเสียงสวรรค์ดังขึ้น "เรือกำลังมาแล้ว" โอ้พระเจ้า หากผมต้องลอยคอรอคอยต่อไปอีกสักสิบนาที ก็ไม่แน่ว่า จะได้ขึ้นไปยืนหรือนอนเรียงรายร่วมกับคนอื่น ๆ บนฝั่ง สักพัก เสียงเรือเครื่องเข้ามาใกล้ ๆ พวกเราค่อย ๆ ทะยอยกันขึ้นไปนั่งบนเรือด้วยอาการตื่นเต้นที่เปลี่ยนเป็นความโล่งใจระคนเหนื่อยอ่อน ข้าวของส่วนหนึ่งที่จมน้ำคงนึกน้อยใจพวกเราที่ทิ้งมันได้อย่างเลือดเย็น ส่วนที่ลอยน้ำได้ก็กระจัดกระจายไปรอบ ๆ รวมทั้งรองเท้าสองข้างของผมด้วย
เรือค่อย ๆ นำเราเข้าสู่ฝั่งอีกครั้ง ผมเชื่อว่าความรู้สึกหลากหลายกำลังถูกกักเก็บไว้ในหัวใจของเราทั้งสี่อย่างไม่อาจปกปิด สำหรับผม ผมรู้สึกว่าพระเจ้าช่วยเหลือเราที่รอดชีวิตมาได้ด้วยความบังเอิญที่มีชาวบ้านลงมาที่ท่าน้ำพอดี และแน่นอนเขาได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของพวกเรา และนอกจากความรู้สึกนั้น ผมอยากร่ำไห้ให้กับกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือที่สนนราคารวมกันเกือบครึ่งแสน บอกไม่ถูกจริง ๆ ว่าการมีชีวิตรอดกับการสูญเสียของรักราคาแพงไป อะไรทำให้ผมรู้สึกแย่กว่ากัน แต่แน่นอน ผมยังมีชีวิตอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ อีกสามชีวิต ชาวบ้านช่วยเราออกไปลากเรือที่คว่ำหน้าลอยคอกลับเข้าฝั่ง ผมได้รองเท้าแตะสองข้างคืน พวกเราต้องซื้อเครื่องยนต์คืนให้เจ้าของเรือ หลังจากเดินหมดแรงขึ้นมาถึงเรือน เราเอาอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกมาผึ่งลมด้วยความเสียดาย ผมเข้าไปนอนในเต็นท์เคียงข้างพ่อเสาร์ หวังว่าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทุกอย่างจะเป็นเพียงฝันร้ายที่เพิ่งผ่านพ้นไป!!!
37 ประสบการณ์เฉียดตาย_1
37
เช้าของวันเสาร์ที่ 1 ก.ย. 2555 หลังจากอาหารเช้าที่เรียบง่ายแต่รสชาติแสนอร่อย ท้องฟ้าเปิดแลเห็นเงารางเลือนของความสว่างไสวที่ค่อย ๆ ทอทาบขึ้นบนฟากฟ้า คุณพ่อสกลนัดหมายเวลาเก้าโมงเช้าเพื่อออกไปทำให้ความตั้งใจของพวกเราไม่สูญเปล่า พ่อเสาร์และพ่อเกรียงจัดเตรียมเบ็ดตกปลาอีกครั้ง ผมหอบกล้องถ่ายรูปและขนมลงไปรอที่ท่าน้ำ เมื่อทุกอย่างและทุกคนมาพร้อมกัน เรากระโดดขึ้นเรือลำสีน้ำเงินขนาดกระทัดรัดมุ่งหน้าสู่เวิ้งน้ำที่อาจจะมีปลาตัวใหญ่ว่ายวนรอพวกเราอยู่ใต้นั้น
เรือเครื่องโดยการขับของคุณพ่อสกลนำพวกเราออกทยานไปข้างหน้า คลื่นน้อยใหญ่ถาโถมซัดเข้าหาเรือเป็นระลอก พ่อเกรียงนั่งถือคันเบ็ดสี่คันอยู่หน้าเรือ ผมนั่งยอง ๆ กอดกระเป๋ากล้องถ่ายรูปถัดมา พ่อเสาร์นั่งถืออุปกรณ์ตกปลาถัดไปเบื้องหลังและคุณพ่อสกลทำหน้าที่สารถีอยู่ที่ท้ายเรืออย่างทะมัดทะแมง
แต่เพียงไม่ถึงสามนาทีที่เรือเริ่มทะยานออกไป น้ำเริ่มซึมเข้าเรือจากด้านหน้า ผมใช้ที่ตักกวักน้ำออกจากเรือพลางส่งเสียงบอกคนข้างหลังว่าน้ำค่อย ๆ ซึมเข้าเรือ พ่อเกรียงที่นั่งอยู่หน้าสุดเริ่มส่งเสียงบอกว่าน้ำทะลักเข้ามาข้างหน้า พ่อเสาร์ขอที่วิดน้ำไปจ้วงน้ำที่กลางเรือออกอย่างขมักเขม้น ผมเริ่มใจไม่ดี จนเมื่อสารถีตัดสินใจตามคำเรียกร้องของสมาชิกให้เบนหัวเรือกลับเข้าตลิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด คลื่นยังคงซัดเข้าใส่เรือจนสัมผัสถึงแรงสั่น กลางเวิ้งน้ำที่กว้างใหญ่นั้น หัวเรือค่อย ๆ จมลง เสียงตะโกนบอกกันให้สละเรือ พวกเราแวกว่ายลอยคอเพื่อพยุงร่างให้พ้นจากแรงดึงดูด เรือถูกคว่ำและโคลงเคลงอยู่ปริ่มน้ำ ข้าวของกระจัดกระจาย หลายคนตัดสินใจทิ้งสัมภาระส่วนหนึ่งทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นคันเบ็ดคันละหมื่น รวมทั้งเครื่องยนต์ที่จมดิ่งลงสู่เบื้องล่างไปพักใหญ่อย่างสุดต้านทาน ชีวิตของเราทั้งสี่คนเหมือนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย
เช้าของวันเสาร์ที่ 1 ก.ย. 2555 หลังจากอาหารเช้าที่เรียบง่ายแต่รสชาติแสนอร่อย ท้องฟ้าเปิดแลเห็นเงารางเลือนของความสว่างไสวที่ค่อย ๆ ทอทาบขึ้นบนฟากฟ้า คุณพ่อสกลนัดหมายเวลาเก้าโมงเช้าเพื่อออกไปทำให้ความตั้งใจของพวกเราไม่สูญเปล่า พ่อเสาร์และพ่อเกรียงจัดเตรียมเบ็ดตกปลาอีกครั้ง ผมหอบกล้องถ่ายรูปและขนมลงไปรอที่ท่าน้ำ เมื่อทุกอย่างและทุกคนมาพร้อมกัน เรากระโดดขึ้นเรือลำสีน้ำเงินขนาดกระทัดรัดมุ่งหน้าสู่เวิ้งน้ำที่อาจจะมีปลาตัวใหญ่ว่ายวนรอพวกเราอยู่ใต้นั้น
เรือเครื่องโดยการขับของคุณพ่อสกลนำพวกเราออกทยานไปข้างหน้า คลื่นน้อยใหญ่ถาโถมซัดเข้าหาเรือเป็นระลอก พ่อเกรียงนั่งถือคันเบ็ดสี่คันอยู่หน้าเรือ ผมนั่งยอง ๆ กอดกระเป๋ากล้องถ่ายรูปถัดมา พ่อเสาร์นั่งถืออุปกรณ์ตกปลาถัดไปเบื้องหลังและคุณพ่อสกลทำหน้าที่สารถีอยู่ที่ท้ายเรืออย่างทะมัดทะแมง
แต่เพียงไม่ถึงสามนาทีที่เรือเริ่มทะยานออกไป น้ำเริ่มซึมเข้าเรือจากด้านหน้า ผมใช้ที่ตักกวักน้ำออกจากเรือพลางส่งเสียงบอกคนข้างหลังว่าน้ำค่อย ๆ ซึมเข้าเรือ พ่อเกรียงที่นั่งอยู่หน้าสุดเริ่มส่งเสียงบอกว่าน้ำทะลักเข้ามาข้างหน้า พ่อเสาร์ขอที่วิดน้ำไปจ้วงน้ำที่กลางเรือออกอย่างขมักเขม้น ผมเริ่มใจไม่ดี จนเมื่อสารถีตัดสินใจตามคำเรียกร้องของสมาชิกให้เบนหัวเรือกลับเข้าตลิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด คลื่นยังคงซัดเข้าใส่เรือจนสัมผัสถึงแรงสั่น กลางเวิ้งน้ำที่กว้างใหญ่นั้น หัวเรือค่อย ๆ จมลง เสียงตะโกนบอกกันให้สละเรือ พวกเราแวกว่ายลอยคอเพื่อพยุงร่างให้พ้นจากแรงดึงดูด เรือถูกคว่ำและโคลงเคลงอยู่ปริ่มน้ำ ข้าวของกระจัดกระจาย หลายคนตัดสินใจทิ้งสัมภาระส่วนหนึ่งทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นคันเบ็ดคันละหมื่น รวมทั้งเครื่องยนต์ที่จมดิ่งลงสู่เบื้องล่างไปพักใหญ่อย่างสุดต้านทาน ชีวิตของเราทั้งสี่คนเหมือนถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย
36 ความชุ่มชื่นในงานแพร่ธรรม!!!
36
เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ส.ค. 2555 ผมตัดสินใจออกเดินทางไปพักผ่อนและสำรวจงานแพร่ธรรมกับคุณพ่อเสาร์และคุณพ่อเกรียงที่หมู่บ้านทุ่งสมอ หมู่บ้านชาวทวายที่ตั้งอยู่บนเขาในใจกลางเขื่อนเขาแหลม อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ คุณพ่อสกล ปันฉายเป็นเจ้าภาพที่ได้เข้าไปสร้างศูนย์เรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ชาวทวายในหมู่บ้านเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา น่าเสียดายที่การมาถึงของเราทั้งสามได้หอบเอาสายฝนพรำ ๆ ไปตลอดเส้นทางตั้งแต่เริ่มเข้าจังหวัดกาญจนบุรี จนไปถึงหมู่บ้าน พวกเราและชาวบ้านสองสามคนได้หอบเอาสัมภาระโดยเฉพาะกับข้าวกับปลาสารพัดชนิดสำหรับเป็นอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนสามสิบคนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ข้ามเรือเครื่องตัดเวิ้งน้ำกว้างใหญ่กลางทะเลสาบในเขื่อนเขาแหลมเข้าไปจนถึงหมู่บ้านทุ่งสมอโดยมีสายฝนพรำ ๆ ชโลมอาบร่างกายของสมาชิกทุกคนบนเรืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เด็กนักเรียนตัวเล็กตัวน้อยยืนรออยู่บนฝั่งเพื่อช่วยพวกเราหอบหิ้วสัมภาระขึ้นไปด้านบน จนเมื่อความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางสิ้นสุด คุณพ่อสกลนำพวกเราทั้งสามไปเยี่ยมนักเรียนที่ศูนย์เรียนรู้ เราได้พูดคุยกับเด็ก ๆ และคุณครูสองท่านที่คุณพ่อจ้างมาสอนนักเรียนด้วยจิตเสียสละและทุ่มเท เราเยี่ยมศูนย์เรียนรู้รวมทั้งสภาพแวดล้อมทั่วไปของหมู่บ้าน สายฝนพรำลงมาอีกแล้ว ความตั้งใจในการล่องเรือออกไปตกปลาจึงต้องถูกพับเก็บเอาไว้ก่อน อาหารค่ำของวันนี้ เป็นเมนูปลากดคังขนาดเจ็ดกิโลที่คุณพ่อสกลซื้อมาจากชาวบ้าน พวกเราตั้งวงกันข้างเต็นท์นอนที่กางบนระเบียงหน้าบ้านไม้หลังเขื่อง มีไวน์แดงรสละมุนลิ้นและเนื้อย่างหยิบยื่นความน่าอภิรมย์ของคืนที่ฟ้าฉ่ำฝน จนอาหารค่ำของวันนี้เป็นอีกความน่าประทับใจที่ไม่รู้เลือนจริง ๆ....!!!
เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ส.ค. 2555 ผมตัดสินใจออกเดินทางไปพักผ่อนและสำรวจงานแพร่ธรรมกับคุณพ่อเสาร์และคุณพ่อเกรียงที่หมู่บ้านทุ่งสมอ หมู่บ้านชาวทวายที่ตั้งอยู่บนเขาในใจกลางเขื่อนเขาแหลม อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ คุณพ่อสกล ปันฉายเป็นเจ้าภาพที่ได้เข้าไปสร้างศูนย์เรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ชาวทวายในหมู่บ้านเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา น่าเสียดายที่การมาถึงของเราทั้งสามได้หอบเอาสายฝนพรำ ๆ ไปตลอดเส้นทางตั้งแต่เริ่มเข้าจังหวัดกาญจนบุรี จนไปถึงหมู่บ้าน พวกเราและชาวบ้านสองสามคนได้หอบเอาสัมภาระโดยเฉพาะกับข้าวกับปลาสารพัดชนิดสำหรับเป็นอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนสามสิบคนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ข้ามเรือเครื่องตัดเวิ้งน้ำกว้างใหญ่กลางทะเลสาบในเขื่อนเขาแหลมเข้าไปจนถึงหมู่บ้านทุ่งสมอโดยมีสายฝนพรำ ๆ ชโลมอาบร่างกายของสมาชิกทุกคนบนเรืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เด็กนักเรียนตัวเล็กตัวน้อยยืนรออยู่บนฝั่งเพื่อช่วยพวกเราหอบหิ้วสัมภาระขึ้นไปด้านบน จนเมื่อความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางสิ้นสุด คุณพ่อสกลนำพวกเราทั้งสามไปเยี่ยมนักเรียนที่ศูนย์เรียนรู้ เราได้พูดคุยกับเด็ก ๆ และคุณครูสองท่านที่คุณพ่อจ้างมาสอนนักเรียนด้วยจิตเสียสละและทุ่มเท เราเยี่ยมศูนย์เรียนรู้รวมทั้งสภาพแวดล้อมทั่วไปของหมู่บ้าน สายฝนพรำลงมาอีกแล้ว ความตั้งใจในการล่องเรือออกไปตกปลาจึงต้องถูกพับเก็บเอาไว้ก่อน อาหารค่ำของวันนี้ เป็นเมนูปลากดคังขนาดเจ็ดกิโลที่คุณพ่อสกลซื้อมาจากชาวบ้าน พวกเราตั้งวงกันข้างเต็นท์นอนที่กางบนระเบียงหน้าบ้านไม้หลังเขื่อง มีไวน์แดงรสละมุนลิ้นและเนื้อย่างหยิบยื่นความน่าอภิรมย์ของคืนที่ฟ้าฉ่ำฝน จนอาหารค่ำของวันนี้เป็นอีกความน่าประทับใจที่ไม่รู้เลือนจริง ๆ....!!!
10 สิงหาคม 2555
35 ก่อนวันงานสิงหา
35
พรุ่งนี้ที่บ้านเณรใหญ่แสงธรรมจะมีงานประจำปี เป็นพิธีบวชสังฆานุกรและพิธีแต่งตั้งผู้อ่านฯและผู้ช่วยพิธีกรรม ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายก่อนที่ผมจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ทั้งสองครั้งที่ผมได้มีโอกาสกลับไปร่วมพิธีบวชสังฆานุกร ความทรงจำที่งดงามจะย้อนกลับมาให้ปลื้มใจทุกครั้ง วันนี้ ผมตั้งใจไปช่วยเตรียมงานที่บ้านเณรแสงธรรม ขับรถข้ามฟากจากบ้านผู้หว่านไปที่บ้านเณรใหญ่ ไปช่วยทั้งตัดใบไม้แต่งเวที แล้วเปลี่ยนมากวาดพื้นอาคารมารดาพระผู้ไถ่ จากนั้นก็ถูพื้นร่วมกับบราเดอร์ กวาดใบไม้ แล้วก็ช่วยขนเก้าอี้ จัดเก้าอี้นิด ๆ หน่อย ๆ จนบ่ายสี่โมง คิดว่าเริ่มทำตัววุ่นวายแล้ว จึงขับรถกลับบ้านผู้หว่านมาทำมิสซาส่วนตัว เพื่อขอพรเป็นพิเศษสำหรับบรรดาสังฆานุกรใหม่และผู้รับแต่งตั้งฯ ให้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ขณะที่ทำงานพร้อมกับบรรดาบราเดอร์เณรใหญ่ ความคิดถึงเพื่อน ๆ ร่วมชั้นปีก็แวบเข้ามา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน แต่ความทรงจำที่งดงามยังไม่จางหายไป ณ บ้านแสงธรรมหลังนี้ ที่เราทุกคนได้เรียนรู้ที่จะเติบโตและงดงามไปพร้อม ๆ กัน คิดถึงนะเพื่อนทุกคน คิดถึงชั่วขณะที่เราขึ้นไปบนเวที แล้วรับการบวชเป็นสังฆานุกรด้วยกัน....!!!
พรุ่งนี้ที่บ้านเณรใหญ่แสงธรรมจะมีงานประจำปี เป็นพิธีบวชสังฆานุกรและพิธีแต่งตั้งผู้อ่านฯและผู้ช่วยพิธีกรรม ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายก่อนที่ผมจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ทั้งสองครั้งที่ผมได้มีโอกาสกลับไปร่วมพิธีบวชสังฆานุกร ความทรงจำที่งดงามจะย้อนกลับมาให้ปลื้มใจทุกครั้ง วันนี้ ผมตั้งใจไปช่วยเตรียมงานที่บ้านเณรแสงธรรม ขับรถข้ามฟากจากบ้านผู้หว่านไปที่บ้านเณรใหญ่ ไปช่วยทั้งตัดใบไม้แต่งเวที แล้วเปลี่ยนมากวาดพื้นอาคารมารดาพระผู้ไถ่ จากนั้นก็ถูพื้นร่วมกับบราเดอร์ กวาดใบไม้ แล้วก็ช่วยขนเก้าอี้ จัดเก้าอี้นิด ๆ หน่อย ๆ จนบ่ายสี่โมง คิดว่าเริ่มทำตัววุ่นวายแล้ว จึงขับรถกลับบ้านผู้หว่านมาทำมิสซาส่วนตัว เพื่อขอพรเป็นพิเศษสำหรับบรรดาสังฆานุกรใหม่และผู้รับแต่งตั้งฯ ให้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ขณะที่ทำงานพร้อมกับบรรดาบราเดอร์เณรใหญ่ ความคิดถึงเพื่อน ๆ ร่วมชั้นปีก็แวบเข้ามา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน แต่ความทรงจำที่งดงามยังไม่จางหายไป ณ บ้านแสงธรรมหลังนี้ ที่เราทุกคนได้เรียนรู้ที่จะเติบโตและงดงามไปพร้อม ๆ กัน คิดถึงนะเพื่อนทุกคน คิดถึงชั่วขณะที่เราขึ้นไปบนเวที แล้วรับการบวชเป็นสังฆานุกรด้วยกัน....!!!
4 สิงหาคม 2555
34 อายุเท่าไหร่แล้ว?
34
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของผม ดีใจที่ได้มีโอกาสบันทึกอะไรบ้างในวันนี้ มีหลายคนถามว่า "อายุเท่าไหร่แล้ว?" คำถามนี้มีความหมายในหลายแง่มุม แต่สำหรับผม ผมถามตัวเองว่า เฮ้ย นาย..อายุเท่าไหร่แล้ว? ต้องสำนึกอยู่เสมอนะว่าโตขึ้นอีกปีแล้ว วันเกิด นอกจากคิดถึงพ่อแม่ที่ให้กำเนิดแล้ว ผมควรคิดถึงตลอดเส้นทางบนโลกนี้ที่ได้เดินทางมา ผ่านประสบการณ์มามากมายที่ต้องหล่อหลอมให้ชีวิตแข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว ไม่ใช่ยังอ่อนปวกเปียกเหมือนเด็ก ๆ ที่ไม่รู้เดียงสา และที่สำคัญ "เฮ้ย นาย นายเป็นพระสงฆ์ ชีวิตพระสงฆ์ของนายต้องเติบโตขึ้นในแต่ละปีด้วยนะ" แล้วทุกวันนี้ ชีวิตสงฆ์ของตนเองเป็นอย่างไร? ขอให้วันเกิดในปีนี้ เป็นโอกาสดีที่จะหันหลังกลับไปทบทวนชีวิตที่ผ่านมา สำรวจดูปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ และมองไปข้างหน้าเพื่อจะเห็นว่า พระสงฆ์คนหนึ่่งกำลังติดตามใคร และจะเดินไปที่ไหน?
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของผม ดีใจที่ได้มีโอกาสบันทึกอะไรบ้างในวันนี้ มีหลายคนถามว่า "อายุเท่าไหร่แล้ว?" คำถามนี้มีความหมายในหลายแง่มุม แต่สำหรับผม ผมถามตัวเองว่า เฮ้ย นาย..อายุเท่าไหร่แล้ว? ต้องสำนึกอยู่เสมอนะว่าโตขึ้นอีกปีแล้ว วันเกิด นอกจากคิดถึงพ่อแม่ที่ให้กำเนิดแล้ว ผมควรคิดถึงตลอดเส้นทางบนโลกนี้ที่ได้เดินทางมา ผ่านประสบการณ์มามากมายที่ต้องหล่อหลอมให้ชีวิตแข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว ไม่ใช่ยังอ่อนปวกเปียกเหมือนเด็ก ๆ ที่ไม่รู้เดียงสา และที่สำคัญ "เฮ้ย นาย นายเป็นพระสงฆ์ ชีวิตพระสงฆ์ของนายต้องเติบโตขึ้นในแต่ละปีด้วยนะ" แล้วทุกวันนี้ ชีวิตสงฆ์ของตนเองเป็นอย่างไร? ขอให้วันเกิดในปีนี้ เป็นโอกาสดีที่จะหันหลังกลับไปทบทวนชีวิตที่ผ่านมา สำรวจดูปัจจุบันที่กำลังดำเนินอยู่ และมองไปข้างหน้าเพื่อจะเห็นว่า พระสงฆ์คนหนึ่่งกำลังติดตามใคร และจะเดินไปที่ไหน?
33 เนื่องในวันเกิด
33
เมื่อตอนเป็นเด็ก ในวันเกิดของผม อยู่กับการรอคอยให้พ่อพาไปกินอาหารตามร้าน หรือไม่ก็จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ มีเค็กให้เป่าอยู่ที่บ้าน แม่จะกล่าวอวยพรให้เป็นเด็กดี..
เมื่อเข้าบ้านเณรเล็ก มิสซาเช้าของวันคล้ายวันเกิด คุณพ่อจะเอ่ยชื่อในมิสซาเพื่อขอพรให้ และในอาหารมื้อเย็น จะมีการกล่าวส่งความสุขในห้องอาหาร พยายามนึกอยู่นานว่าจะกล่าวตอบอย่างไรดี เพราะเขินเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ....
เมื่อเรียนมหาวิทยาลัย ในวันเกิดเราชวนกลุ่มเพื่อนสนิทไปเลี้ยงฉลองตามร้านอาหาร อยู่จนดึกจนดื่น แสวงหาความสุขกันตามประสา..
เมื่ออยู่บ้านเณรใหญ่ เจ้าของวันเกิดต้องนัดแนะ เชิญชวนหรือบังคับเพื่อน ๆ และลงทุนจับจ่ายหาซื้ออาหารมากินหรือมาปรุงอาหารเลี้ยงเพื่อน ๆ ทั้งชั้นปี ที่ห้องพัก(แบบแอบ ๆ)
บวชเป็นพระสงฆ์แล้ว...ในวันคล้ายวันเกิด โทรกลับไปหาแม่หาพ่อ "ขอบคุณครับ" อีกไม่นานจะกลับไปเยี่ยม...!!!
เมื่อตอนเป็นเด็ก ในวันเกิดของผม อยู่กับการรอคอยให้พ่อพาไปกินอาหารตามร้าน หรือไม่ก็จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ มีเค็กให้เป่าอยู่ที่บ้าน แม่จะกล่าวอวยพรให้เป็นเด็กดี..
เมื่อเข้าบ้านเณรเล็ก มิสซาเช้าของวันคล้ายวันเกิด คุณพ่อจะเอ่ยชื่อในมิสซาเพื่อขอพรให้ และในอาหารมื้อเย็น จะมีการกล่าวส่งความสุขในห้องอาหาร พยายามนึกอยู่นานว่าจะกล่าวตอบอย่างไรดี เพราะเขินเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ....
เมื่อเรียนมหาวิทยาลัย ในวันเกิดเราชวนกลุ่มเพื่อนสนิทไปเลี้ยงฉลองตามร้านอาหาร อยู่จนดึกจนดื่น แสวงหาความสุขกันตามประสา..
เมื่ออยู่บ้านเณรใหญ่ เจ้าของวันเกิดต้องนัดแนะ เชิญชวนหรือบังคับเพื่อน ๆ และลงทุนจับจ่ายหาซื้ออาหารมากินหรือมาปรุงอาหารเลี้ยงเพื่อน ๆ ทั้งชั้นปี ที่ห้องพัก(แบบแอบ ๆ)
บวชเป็นพระสงฆ์แล้ว...ในวันคล้ายวันเกิด โทรกลับไปหาแม่หาพ่อ "ขอบคุณครับ" อีกไม่นานจะกลับไปเยี่ยม...!!!
31 กรกฎาคม 2555
32 ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
32 ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
วันเวลามันผันผ่านไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง ผมรู้สึกตัวอีกที ก็อยู่ในศักดิ์สงฆ์ซะแล้ว ไม่ใช่ความฝัน แน่นอน ไม่ใช่ความฝัน เพราะมันคือชีวิต จะผิดมากไหม หากผมจะยอมรับว่า หลายครั้งที่ผมอยากกระโดดออกมาจากความเป็นสงฆ์ แล้วใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ๆ ดูบ้าง แต่แล้ว ในความเป็นจริง พระสงฆ์ก็คือพระสงฆ์วันยันค่ำ ในเมื่อยินดีเต็มใจจะถูกเจิมแล้ว ผมก็คือพระสงฆ์ ที่ไม่ว่าอย่างไร บนเส้นทางสายนี้ ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป....ไม่เหมือนเดิมจริง ๆ
วันเวลามันผันผ่านไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง ผมรู้สึกตัวอีกที ก็อยู่ในศักดิ์สงฆ์ซะแล้ว ไม่ใช่ความฝัน แน่นอน ไม่ใช่ความฝัน เพราะมันคือชีวิต จะผิดมากไหม หากผมจะยอมรับว่า หลายครั้งที่ผมอยากกระโดดออกมาจากความเป็นสงฆ์ แล้วใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ๆ ดูบ้าง แต่แล้ว ในความเป็นจริง พระสงฆ์ก็คือพระสงฆ์วันยันค่ำ ในเมื่อยินดีเต็มใจจะถูกเจิมแล้ว ผมก็คือพระสงฆ์ ที่ไม่ว่าอย่างไร บนเส้นทางสายนี้ ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป....ไม่เหมือนเดิมจริง ๆ
3 มีนาคม 2555
31 กาลครั้งหนึ่งในหัวใจ
31
คุณเคยหลงรักใครแล้วไม่สามารถบอกให้เขารู้สิ่งที่อยู่ในใจบ้างมั้ย? น้ำเน่าดีเนอะ ยิ่งกว่าละครหลังข่าวซะอีก
คุณเคยหลงรักใครแล้วไม่สามารถบอกให้เขารู้สิ่งที่อยู่ในใจบ้างมั้ย? น้ำเน่าดีเนอะ ยิ่งกว่าละครหลังข่าวซะอีก
แต่เรื่องของความรักเป็นธรรมชาติพื้นฐานที่สุดของมนุษย์ปุถุชน และคงไม่ต้องขอโทษอะไรที่ผมก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น รู้จักรัก รู้จักเกลียด ผิดหวัง สมหวัง
ตลอดระยะเวลาสามสิบปีในชีวิตคน ๆ หนึ่งเช่นผม น่าขำดีเนอะ ผมผ่านกระบวนการเก็บงำความในใจเช่นนี้มารอบแล้วรอบเล่า.. บางครั้งผมนอนร้องไห้ปลอบใจตนเองทั้งน้ำตา ทำไมชีวิตกรูมันต้องพบเจออะไรแบบนี้ด้วย ผมเหนื่อยกับความรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ไร้ค่าเพราะคนที่ผมหลงรักไม่เคยเห็นคุณค่าของผม หรืออาจเป็นเพราะคน ๆ นั้นไม่เคยรับรู้ความรู้สึกนั้นได้เลย สมเพสตัวเองว่ะ ฮ่า ๆ ๆ สะใจดีจัง(โว้ย) ผมเฝ้าถามตัวเองว่า “หัวใจคนมันจะซับซ้อนได้มากมายอะไรขนาดน้านนนน...?”
แต่ผมก็ยังอยากขอบคุณ..คนพิเศษทุก ๆ คนที่ผ่านเข้ามาในหัวใจของผม ทิ้งความทรงจำดี ๆ ระหว่างการเดินทางในชีวิตแต่ละก้าวที่สอนให้ผมเป็นคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่มีหัวใจเพื่อจะรักใครเป็น..ขอบคุณจริงๆ
30 แย่งซีนคุณพ่อ
30
มิสซาปิดการเข้าเงียบประจำปีของชั้นปี 7 ที่สวนเจ็ดริน คุณพ่อมิเกลเป็นผู้นำการเข้าเงียบและเป็นประธานมิสซาในเย็นนั้น หลังจากการรับศีลมหาสนิทด้วยบรรยากาศชวนศรัทธา เพื่อนคนหนึ่งสะกิดเพื่อนอีกคนให้ลุกไปอ่าน “บทเพลงรับศีล” ในหนังสือมิสซาบนพระแท่น แทนการร้องเพลง
เพื่อนคนนี้ลุกออกไปหยิบหนังสือเล่มนั้นแล้วตั้งใจอ่านด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ “ให้เราภาวนา ข้าแต่พระเจ้า...”
เพื่อน ๆ กลั่นหัวเราะกันแทบไม่อยู่ ส่วนประธานมิสซาคงรู้สึกงง ๆ กับความน่ารักของบราเดอร์สามเณรใหญ่ท่านนี้ เพราะหลังจากนั้นท่านถามพวกเราว่า “แล้วพ่อต้องทำอย่างไรต่อไปดี” ก่อนที่ท่านจะประกาศปิดพิธีมิสซาในเย็นนั้นด้วยความชื่นบาน แน่นอน..มันกลายเป็นเรื่องอำที่มันที่สุดในช่วงเวลานั้น
29 ว่าที่พระสงฆ์มือใหม่
29
ชั่วโมงสุดท้าย เราซ้อมทำพิธีมิสซาต่อหน้าเพื่อนสังฆานุกร ความโชคดีพัดมาหาผม คุณพ่อจับสลากได้ชื่อผมเป็นคนแรก ขณะที่ในมือกำลังถือกล้องถ่ายรูปเตรียมจะเก็บภาพเพื่อน ๆ เอาว่ะ! ยอมเป็นหนูทดลอง ผมตอบรับในใจทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรกับเขาเลย
ปรากฏว่ากลายเป็นตัวตลกตัวแรกของกลุ่ม หลังจากเทเหล้าองุ่น(ปลอม)ผสมกับน้ำสองสามหยดลงในกาลิกซ์ ขณะที่ยกถ้วยชูขึ้น ปากกลับอ่านตามหนังสือมิสซา “ดั่งน้ำและเหล้าองุ่นที่ผสมเข้าด้วยกัน..” พระอาจารย์ที่บอกว่าอย่าหัวเราะเพื่อนกลายเป็นคนที่หัวเราะดังที่สุด ทุกสายตาหันไปมองคุณพ่อ “พ่อ ๆ เงียบด้วย เงียบด้วย” คุณพ่อต้องปรี่ออกไปหัวเราะต่อด้านนอกวัด
กว่าโชว์ชุดนี้จะสิ้นสุด หนังหน้าของผมก็หนาขึ้นสองนิ้ว แต่ก็ยังดี เพราะเพื่อนบางคนถวายมิสซาด้วยมือที่สั่นๆๆๆ ...เหมือนโดนของ เรียกเสียงฮาได้สนั่น จนลืมไปว่ากำลังนั่งอยู่ในวัด..พระวิหารของพระเจ้า เจอหน้าพระอาจารย์ทีไร เป็นต้องแซวเรื่องมือสั่นทุกที
28 บนเส้นทางไปสู่งานอภิบาล
28
บ่ายวันเสาร์บนเส้นทางไปสู่งานอภิบาลที่วัดลูกแก
การเดินทางครั้งสุดท้ายของปีการศึกษา
ก่อนการสอบปลายภาคจะมาถึง..
บนรถเมล์สายพุทธมณฑล-กาญจนบุรี
ผมนั่งทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ข้างในเบาหวิว
สไลด์ภาพชีวิตผู้คนสองข้างทางเคลื่อนผ่านไปช้า ๆ
“โรงเรียนธีรศาสตร์ด้วยครับ” ผมบอกคนขับก่อนก้าวลงมาจากรถ สะพายกระเป๋าข้ามสะพานลอย
ท่ามกลางบรรยากาศยามบ่าย เป็นบ่ายที่เงียบสงัดจริง ๆ
และใจของผมก็เงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก
แม้จะมีคำตอบให้กับตนเอง แต่คำถามนั้นก็ยังวนเข้ามาในความคิด “นี่เรากำลังทำอะไรอยู่?”
วันเวลาดำเนินผ่านไปเรื่อย ๆ สิ่งใหม่ ๆ กำลังก้าวเข้ามา
แต่ใครอีกหลายคนกลับกำลังก้าวออกไปจากชีวิตของเราเช่นกัน
27 ขอบคุณครับพ่อ
27
คืนวันศุกร์ที่ 12 ก.พ. ผมได้มีโอกาสพบคุณพ่อที่ปรึกษาวิญญาณเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจบปีการศึกษา
คุณพ่อยังน่ารักเหมือนเดิม เปิดใจรับฟังและเลือกมองดูชีวิตในด้านดี ไม่ว่าผมจะพยายามบอกว่าตนเองมีข้อบกพร่องอยู่มากแค่ไหน แต่คุณพ่อจะพยายามให้ผมมองดูส่วนที่ดีของตนเองที่มีมากกว่า(หรือเปล่า?) และขอบคุณพระเสมอ ๆ
คุณพ่อดีใจที่ได้รู้จักผมและยืนยันว่า “ปิติศักดิ์จะเป็นพระสงฆ์ที่ดีจริง ๆ”
หลังจากการพูดคุยจบลง ผมยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องพัก คำพูดที่ว่า “ปิติศักดิ์จะเป็นพระสงฆ์ที่ดีจริง ๆ” ยังคงลอยวนอยู่ในความคิด น้ำตาของผมไหลออกมาเองโดยไม่ได้สั่ง
“พ่อครับ ทำไมพ่อจึงมั่นใจในตัวผมมากขนาดนั้น” คำตอบนั้นแว่วเข้ามา “เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยเหลือปิติศักดิ์เสมอ” ขอบคุณครับพ่อ หากวันนี้ผมยังเป็นพระสงฆ์ที่ดีอยู่
26 อย่าถือสาพวกผมนะ
26
แม้จะอยู่ชั้นปีเจ็ดแล้ว แต่เมื่อชายหนุ่มมาอยู่รวมกัน ก็อดไม่ได้ที่จะสาดมุขใส่กันให้ได้ฮา มุขสุภาพก็มีบ้าง แต่หากคะนองปากก็อาจมีมุขทะลึ่งหลุด ๆ ออกมาบ้าง อย่าถือโทษกันนะครับ มันเป็นความสนิทสนมของพวกเรา
เพื่อนคนหนึ่งชอบปล่อยมุขแปลก ๆ ในชั้นเรียน ชั่วโมงนั้น อาจารย์กำลังสอนเรื่องการโยนกำยาน อาจารย์ของเราคนนี้ก็ใช่ย่อย รับส่งและรู้ทันมุขแปลก ๆ ของเพื่อนผมไปหมด
ขณะที่อาจารย์เน้นว่า บราเดอร์ครับ..ระวังอย่าให้ระดับของมือที่กำปลายโซ่ของเต้ากำยานอยู่ต่ำเกินไป (ต่ำกว่าเข็มขัด) เพราะมันแลดูไม่สวยงามอย่างยิ่ง..พลางแสดงตัวอย่างการถือกำยานให้นักศึกษาดู เพื่อนของผมคนนี้หลุดปากออกไปว่า “กำไข่” !!!!!
เพื่อน ๆ ฮา อาจารย์ก็ฮา..แต่พอนึกขึ้นได้
“ตายแล้วววว...บราเดอร์ ซิสเตอร์นั่งอยู่ด้วยนะ!!!” ผมฮามากกว่าเดิมสิบเท่า ส่วนซิสเตอร์ผู้เยาว์สองท่านนั่งเงียบกริบ (ขออนุญาตไม่เอ่ยนามคณะ)
25 สถานที่พิเศษของผม
25
บนดาดฟ้าตึกเป็นสถานที่พิเศษสำหรับผม
เวลาเช้า ผมวิ่งขึ้นมาชมดวงอาทิตย์ที่เริ่มจับขอบฟ้าอีกครั้ง บางวันมันแลดูเรืองรองอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
เวลาเย็น ผมขึ้นมาโบกมือลาแสงตะวัน หลังจากที่ดวงกลมโตสีแดงค่อย ๆ หลุบแสงลงช้า ๆ ที่ปลายขอบฟ้า
เวลาค่ำมืดของบางคืน ผมขึ้นมาปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึก มองแสงสีฟ้าจากกางเขนแสงธรรมที่งามเด่นเหนือแสงไฟที่ทอดยาวไปตามถนนเพชรเกษมมุ่งตรงไปสู่ความเป็นเมือง
บางคืน ผมยืนร้องไห้อยู่บนดาดฟ้า พยายามแสวงหาคำตอบให้กับคำถามมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต ชีวิตที่ถูกเรียกร้องและจำต้องเสียสละบางสิ่งเพื่อแลกกับบางสิ่ง
แสงสีฟ้าจากกางเขนแสงธรรมยังคงงามเด่น บางคืนผมได้รับคำตอบจากยอดหลังคาวัดแสงธรรมนั่นเอง 24 ประกวดโฟล์กซอง..วงกอไผ่
24
งานดนตรีสร้างสรรค์บทเพลงของแสงธรรม สมัยอยู่ปรัชญา ชั้นปีของเรากวาดรางวัลชนะเลิศมาได้สามครั้ง รางวัลชนะเลิศเพลงแต่งสองครั้ง.. เพื่อนเราเล่นดนตรีขั้นเทพ แถมยังมีนักร้องเสียงเหมือนพี่ปู พงษ์สิทธิ์ ..เด๊ะ ๆ เราใช้ชื่อวงดนตรีว่า..วงกอไผ่ กี่ปี ๆ ก็กอไผ่ เพราะมันอยู่รวมกันเป็นกอและพลิ้วไหวลู่ลม
วันเวลาผ่านไป เพื่อนเราโบกมือลาแยกทางออกไปเรื่อย ๆ บนเส้นทางแห่งสงฆ์..กลุ่มของเราเล็กลงเรื่อย ๆ
จนถึงชั้นปีเจ็ด เราเหลือแค่สิบสองคนเหมือนกลุ่มอัครสาวกที่ใครสักคนต้องยอมเป็นยูดาส อิสคารีโอท
ปีสุดท้าย วงกอไผ่ของเรากลายเป็น “ไผ่กอสุดท้าย” ที่นักดนตรีและนักร้องเปลี่ยนมือไป ไผ่กอสุดท้ายเปิดตัวอีกครั้งกับบทเพลง “เส้นทางสงฆ์” ที่แม้จะไม่ได้รับรางวัลชนะเลิศอีกเลย แต่บางคนเอ่ยคำขอบคุณที่บทเพลงนี้ให้ความหมายกับเขาในการติดตามพระคริสตเจ้า ..และนี่คือหน้าที่สุดท้ายที่วงกอไผ่ได้กระทำเพื่ออำลาตัวเองจากเวทีงานดนตรีสร้างสรรค์บทเพลงแสงธรรมไปอย่างสวยงาม..กลายเป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำ..สำหรับผม
23 อย่าลืมสิ่งที่สำคัญกว่า
23
ยอมรับอย่างจริงใจ ผมคาดหวังให้ชีวิตเจอแต่สิ่งดี ๆ เชื่อว่าทุกคนก็ปรารถนาเหมือนผม แต่สิ่งดี ๆ ของผมนี่มันค่อนข้างสูง และมักต้องอยู่เกินกว่ามาตรฐานของคนอื่น ๆ
เมื่อรู้ตัวอีกครั้งก็รู้สึกว่าตนเองเหนื่อยแล้ว เหนื่อยกับการต้องพยายามทำให้ทุกอย่างออกมาดีและประทับใจผู้คน
มองรอบ ๆ ข้าง เพื่อนยังอยู่กับเรานี่หว่า แล้วเราเอาเวลาที่ควรให้กับเพื่อนไปทำอะไรหมด? ผมตั้งใจว่าช่วงเวลาสุดท้ายในแสงธรรม จะเต็มที่กับเพื่อนไปเลย ให้เวลากับเพื่อนให้มากกว่าหกปีที่ผ่านมา
แต่..ไป ๆ มา ๆ ผมก็ทำได้แค่นั้น คงต้องขอโทษที่ทำหน้าที่เพื่อนได้ไม่ดีเท่าไร ..ซึ้งอีกแล้วว่ะเมิง..
แต่ดีใจนะที่พวกเรามาถึงศักดิ์สงฆ์ด้วยกัน มันไม่อ้างว้างเวลามีเพื่อน สำหรับผม เพื่อนคือแรงบันดาลใจพิเศษในทุก ๆ ครั้งที่พยายามจะลงมือทำอะไรสักอย่าง ขอบคุณว่ะเพื่อน มุขขำ ๆ ที่ชอบเล่นกันคือ..ระวังให้ดี หากกรูบวชก่อนจะไปขยำหัวคนที่บวชทีหลัง (เวลาปกมือในงานบวช)
22 จุดเริ่มต้นของ Angelus
22
ผมแต่งเพลงแรกตอนอยู่ชั้นมัธยมสามที่บ้านเณรเล็ก จำชื่อเพลงไม่ได้แล้ว แต่เพื่อนคนหนึ่งให้ช่วยเขียนเนื้อร้อง เป็นเพลงที่พูดถึงชีวิตในบ้านเณรราชบุรี หากจำไม่ผิดก็ไพเราะดีเหมือนกันนะ..พูดแบบไม่อาย
จากนั้น ผมก็ฝึกแต่งเพลงเรื่อยมา ทั้ง ๆ ที่เล่นเครื่องดนตรีไม่เป็นเลยสักชิ้น ฮัม ๆ ทำนองเอา แล้วก็หาคำร้องมาใส่..เพลิน ๆ ดีเหมือนกัน
จนลาออกจากบ้านเณรเล็กไปแล้ว แต่ก็ยังแต่งเพลงอยู่เหมือนเดิม รวบรวมไว้ในสมุดบันทึกเป็นคอเล็กชั่น
จนกลับเข้าบ้านเณรเล็กอีกครั้ง สำนึกได้ว่าการแต่งเพลงเป็นพระพรของพระที่ประทานให้โดยมิได้ทูลขอ ตั้งใจเสมอมาว่าพระพรนี้จะใช้เพื่อคนอื่นโดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใด ๆ ..เพราะได้มาเปล่า ๆ จึงต้องให้กลับคืนไปเปล่า ๆ
ทุกวันนี้ ขอบคุณพระที่บทเพลงที่ผมแต่งได้เป็นที่รู้จัก ดีใจที่มีส่วนช่วยให้บางคนสัมผัสความรักของพระเจ้าผ่านทางบทเพลง ซึ่งก็มาจากการดลใจของพระองค์นั่นแหละ..ผมมั่นใจอย่างนั้น
2 มีนาคม 2555
21 แบบอย่างของความสุภาพ
21
วันนั้นเป็นวันอังคาร พวกเรากำลังเตรียมตัวเข้ารับพิธีแต่งตั้งเป็นผู้อ่านพระคัมภีร์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ในวันนั้น พวกเรากำลังร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ชั้นปีห้าของผมมีหน้าที่ทำความสะอาดถนนหน้าวิทยาลัยแสงธรรม เราถอนหญ้าและกวาดดินโคลนที่เกาะแน่นพื้นถนน..เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ
และแล้วประกาศกก็นำข่าวมาแจ้งให้ทราบว่า..คุณพ่ออธิการของเรา..พระได้ยกท่านไปแล้ว พ่อที่รักมากของเรา ท่านนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลมานานแล้ว ไม่หายซักที ผมทำได้เพียงนิ่งเงียบและปล่อยให้ความวังเวงก่อตัวขึ้นในหัวใจ
สองวันต่อมา..พ่อของเราถูกนำกลับมายังบ้านของท่าน บ้านของเรา เราตั้งแถวรอรับท่าน รถยนต์ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านพวกเราไปยังหน้าวัดแสงธรรม บางคนร้องไห้ และฝนกำลังลงเม็ด ร่ำไห้ให้กับพ่อ แบบอย่างพระสงฆ์ผู้แสนสุภาพของผม และของพวกเราทุกคน พ่อครับ..หลับให้สบายนะครับและภาวนาให้ผมด้วย ผมอยากเป็นคนสุภาพเหมือนพ่อ
20 แสงธรรมและผองเพื่อน
20
“แสงธรรม” เป็นศูนย์รวมความทรงจำนานับประการของผม ทุกซอกทุกมุมเต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ มากมาย..กับพี่น้อง ผองเพื่อนและใครต่อใคร
สมัยเป็นเณรกลาง มีโอกาสมาร่วมงานบวชพระสงฆ์กรุงเทพฯ ..ผมยืนจ้องมองกางเขนแสงธรรมเปล่งประกายแสงสีฟ้าจากยอดตึกบ้านเณรยอแซฟ..สวยงาม เปี่ยมความหมาย และท้าทายผมให้มุ่งไปให้ถึง..สักวัน
สี่ปีปรัชญา..ผมมีความสุขในการแสวงหาความหมายและการเผชิญหน้ากับความหลากหลายของชีวิตไปพร้อม ๆ กับเพื่อน
ช่วงเวลาปีฝึกงานอภิบาล..ผมเพลิดเพลินกับปีพักจนไม่ค่อยอยากกลับแสงธรรม ไม่อยากกลับไปนั่งเรียน
ช่วงเวลาสามปีของชั้นเทววิทยา แสงธรรมกลายเป็นความเคยชิน ความมีชีวิตชีวาแห่งวัยเยาว์เปลี่ยนเป็นความสุขุมและเตรียมพร้อม
เทอมสุดท้ายของชีวิตเณรในรั้วแสงธรรม ผมพยายามอย่างสุดกำลัง..ยื้อยุดฉุดกระชากให้วันเวลาผ่านไปให้ช้าที่สุด วันเวลาแห่งการแสวงหา บ่มเพาะ ฝึกปรือ รวมทั้งความทรงจำงดงามมากมาย..ขอบคุณครับ แสงธรรมและผองเพื่อน
19 ความสุขเล็ก ๆ ของผม
19
อาคารมารดาพระผู้ไถ่ เป็นอาคารอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่บ้านเณรใช้จัดงานบวชสังฆานุกรในเดือนสิงหาคมของทุกปี ถือเป็นงานประจำปีที่สมาชิกทุกคน ทั้งชื่นชมยินดี ทั้งตื่นเต้นมากที่สุดในรอบปี ไม่ว่าจะเป็นน้อง ๆ ปรัชญาที่กุลีกุจอจัดเตรียมงานช้างให้กับพี่ ๆ อย่างสุดฝีมือ หรือกับบรรดาพี่ ๆ เทววิทยาที่ถือเป็นพระเอกของงานเองก็ตาม
อาคารมารดา สำหรับผมมีความหมายมากกว่านั้น เพราะช่วงเวลาเย็น ๆ ผมมักมาออกกำลังกายที่นี่ เล่นแบดมินตัน หรือไม่ก็วิ่งรอบอาคาร ช่วงหลัง ๆ ผมมักมาวิ่งออกกำลังกายรอบอาคารเกือบทุกเย็นที่มีโอกาสจนกลายเป็นภาพชินตาของน้อง ๆ ไปแล้ว
คนข้างนอกคงนึกแปลกใจว่าเขา(มัน)เป็นใคร? ทำไมวิ่งธรรมดา ๆ แบบชาวบ้านชาวช่องเค้าไม่ได้ ทางให้วิ่งก็มี..ไม่วิ่ง
ใช่ครับ..ผมมันประเภทไม่ธรรมดา ผมใส่เสื้อแจ๊กเกตแขนยาวที่มีหมวกคลุมศีรษะ เอาหูฟังเอ็มพีสามยัดใส่หูไว้ข้างใน ก่อนจะทะยานไปรอบ ๆ อาคารมารดาฯ รอบแล้วรอบเล่า..ขาก็วิ่งไป หูก็ฟังเพลงไป สองตาแหงนมองท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนสี จนหนำใจแล้วก็ปั่นจักรยานกลับตึก เท่านี้เอง..ความสุขเล็ก ๆ ของผม
18 ดีใจที่ได้คิดถึงอีกที
18
กีฬาสีแสงธรรมปีสุดท้ายของผมแล้ว เมื่อเช้าผมลงแข่งขันวอลเล่ย์บอลชาย
สมัยอยู่ชั้นปรัชญา ผมเต็มที่กับกีฬาสีทุกปี นอกจากลงแข่งขันกีฬาบางประเภทแล้ว ผมยังเป็นฝ่ายจัดเตรียมขบวนพาเรด รวมเพื่อน ๆ บราเดอร์ซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ หลายคนคงนึกภาพไม่ออกว่าทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่มีสมาชิกเป็นบราเดอร์ล้วน ๆ จะมีหน้าตาแบบไหน? คงเก้ ๆ กัง ๆ พิลึก..
อย่างไรก็ตาม เราสนุกกันมากเพราะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ใครที่อยากแต่งตัวแปลก ๆ ฉีกความซ้ำซากจำเจ อยากขยับแข้งขยับขาตะโกนโหวกเหวกโวยวาย กีฬาสีเปิดโอกาสให้เราสานฝันในส่วนลึกของหัวใจได้เต็มที่ แพ้ชนะเป็นเรื่องรอง สีสันของวิทยาลัยเผยแสดงในกิจกรรมกีฬาสีเกือบทั้งหมดมากกว่ากิจกรรมทุกอย่างรวมกัน
พอขึ้นชั้นเทววิทยา ทุกอย่างเข้าสู่ความสงบ ผมร่วมกิจกรรมด้วยความเข้าใจถึงความหมายของการเป็นหนึ่งเดียวกันกับสมาชิกทุกคน มิใช่ความโหด มัน ฮา เหมือนแต่ก่อน พี่เทววิทยากระจายอยู่ตามสีต่าง ๆ แต่เราก็มีความสุขกับการได้เปิดตัวเองสู่รุ่นน้อง..ผู้มาเฮฮาแทนที่เรา
17 บทเรียนแห่งความอุตสาหะ
17
บ้านดอนแจง คือบ้านพักที่พวกเราสามเณรเล็กช่วยกันสร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงและการนำของอธิการสิริพงษ์
เสาแถวหน้าต้นกลางผมเป็นคนขุดหลุมของมันเอง หยาดเหงื่อและสายตัวแทบขาดเป็นอย่างไรนั้น..ผมเข้าใจแล้ว
เราทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ กลายร่างเป็นกรรมกรใช้แรงงานกันไปแล้ว สามเณรกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าพลัดเวรกันมาออกแรงร่วมมือสร้างบ้านพักหลังนี้ หากใครสักคนไปฟ้องกรมแรงงาน อธิการของเราคงถูกจับฐานใช้แรงงานเด็กเยี่ยงทาส
แต่บ้านหลังนี้ อธิการตั้งใจให้เรามาใช้ชีวิตกลุ่มด้วยกัน ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา กลับไปสู่รากเหง้า ก่อไฟทำอาหาร อาบน้ำในบ่อที่ขุดไว้ ใช้กระป๋องตักน้ำในบ่อมาใส่ห้องส้วม
แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่เรากลับรู้สึกขอบคุณคุณพ่ออธิการที่สอนบทเรียนแห่งความอุตสาหะ การออกแรงทำงาน การเป็นคนติดดิน การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ให้กับเรา..ด้วยความสำนึกในพระคุณของท่าน
16 โดนหลอกกันทั่วหน้า
16
ตอนเรียนลูกเสืออยู่ชั้นมัธยมสาม เราไปเข้าค่ายฝึกกับทหารที่แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
วันหนึ่งครูฝึกบอกว่าจะพาพวกเราไปเล่นน้ำตก ลูกเสือเฮซะดังลั่น ต่างจัดเตรียมเสื้อผ้าไปเล่นน้ำ ไม่เว้นแม้แต่คุณครูสาวที่ตื่นเต้นไปกับนักเรียนด้วย
ครูฝึกนำพวกเราเดินทางเข้าป่า สำรวจเส้นทางธรรมชาติกันไปเรื่อย ๆ พยายามเก็บกลั่นอาการดีใจ เดินไปคุยกันไปสนุกสนาน พลางคอยฟังเสียงน้ำตกไหลซู่ซ่าที่รอเราอยู่
นานสองนานก็มาถึงเป้าหมาย เราพ้นจากป่าออกสู่แผ่นดินแห้ง อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เหลือน้ำอยู่ไม่ถึงสองกะละมังซักผ้า คือน้ำตกที่เราใฝ่ฝันจะมาเอิบอาบให้ฉ่ำอุรา ลูกเสือหลายคนลงไปยืนที่ก้นอ่างมองตากับปริบ ๆ
ผู้นำทางหายตัวไปทันที..และเรารู้ตัวว่าถูกครูฝึกหลอก
แต่เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นความทรงจำพิเศษที่ไม่ว่าครั้งใด เพื่อนเราฟื้นมาเล่าให้ฟัง..ความชื่นบานจะกลับมาทุกครั้ง
15 ประสบการณ์เย็บปาก
15
ผมเป็นสามเณรที่ดีหรือไม่? ..ตอบยาก
สมัยเป็นเณรเล็ก ผมโชคดีที่มีคนรักมากกว่าคนเกลียด
แต่ก็มีเณรบางคนที่ผมไม่ชอบหน้า ไม่ชอบบุคลิกที่เขาแสดงออก อาจเพราะเราไม่เคยพูดจาทำความรู้จักกันดีพอ
เวลาอาบน้ำของเย็นวันนั้น..ผมเพิ่งตัดผมและอาบน้ำเสร็จ กำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเช่นเดียวกับสามเณรทุกคน
สมาชิกส่วนใหญ่ออกจากห้องนอนไปรวมตัวเพื่อจะลงไปทำวัตรเย็น..และผมกำลังเสร็จธุระของผม
เขาเดินผ่านเตียงผม..และเรามีปากเสียงกันเล็กน้อย เขาเลือกที่จะใช้กำลัง..และผมเป็นพวกไม่ยอมใคร
บทสรุปของละครตอนนี้.. ผมปากแตกเลือดอาบ เดินน้ำตาไหลด้วยความแค้นลงมาชั้นล่าง ประจานความบ้าบิ่นของตนเองให้โลกได้รับรู้..สะใจชะมัด
คืนนั้น..ครูเณรพาผมไปเย็บปากสี่เข็ม ผมหาญกล้าเรียกเขามาเคลียร์กันเป็นการส่วนตัว..เขาเอ่ยขอโทษผม
วันรุ่งขึ้น ปากผมบวมยิ่งกว่าปากครุฑ ต้องขอลาหยุดเรียนไปสองวัน..รักษาปาก จนบัดนี้อาการยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่
14 บทเรียนแห่งมิตรภาพ
14
เมื่อครั้งเป็นเณรเล็ก เพื่อนเราสนิทกันมาก แม้จะหลากหลายสายพันธุ์ แต่เราเป็นหนึ่งเดียวกันได้
เมื่อครั้งอยู่มัธยมห้า เป็นวัยที่กำลังแสวงหาความตื่นเต้นให้กับชีวิต โดยเฉพาะเวลาอยู่ในรั้วบ้านเณร..ยิ่งสนุก
วันนั้นเป็นวันฉลองวัดในบางนกแขวก ผมได้รับเกียรติเป็นผู้นำคณะนักขับร้องในพิธีมิสซา หลังฉลองวัดเราไปเที่ยวบ้านพระสังฆราชสิริพงษ์..อธิการที่เคารพรักของพวกเรา
บ้านพระคุณเจ้าอยู่ติดคลอง เณรส่วนใหญ่และผมดำผุดดำว่ายอย่างกับไม่เคยเห็นคลองมาก่อนในชีวิต ส่วนที่เหลือเลือกนั่งดูโทรทัศน์ในบ้าน
หลังจากการไปเที่ยวบ้านอธิการของเรา ปรากฏว่าบรั่นดีที่วางไว้ในตู้โชว์หายไป..เหลือแต่กล่องไว้ดูต่างหน้า
เพื่อนเราเรียกประชุมชั้นทันที วิธีการหลากหลายถูกนำเสนอเพื่อปกป้องกันและกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช
แต่หลังจากนั้นไม่นาน..เราสูญเสียเพื่อนรักไปหนึ่งคน และเรียนรู้คุณค่าของความเป็นเพื่อนมากขึ้น
13 น้ำจิ้มของชีวิต
13
เมื่อตอนอยู่ปีพัก ได้ไปชิมลางเป็นผู้ให้การอบรมในบ้านเณรเล็กหนึ่งเทอม
เย็นวันหนึ่ง สามเณรจอมแสบขอท้าบราเดอร์จอมซ่าเล่นมวยปล้ำ
ผมตกลงใจใช้สนามบาสเป็นเวทีการแสดงสดเพื่อเรียกความหึกเหิมเข้ามาสิงสู่
การประลองกำลังของเราดำเนินไปอย่างเมามัน ที่สุด บราเดอร์กระโดดขึ้นค่อมสามเณรที่นอนเหยียดยาวอยู่บนพื้นสนามปากร้องตะโกนให้เพื่อนร่วมแก็งค์มาช่วยกันยำบราเดอร์
คุณพ่อรองอธิการวิ่งเข้าไปหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาเก็บภาพข่าวร้อนแรงของพระศาสนจักร..สามเณรหลายคนวิ่งกรูเข้ามาให้ความสนใจ
ยิ่งได้ยินเสียงเชียร์ ความดิบเถื่อนของบราเดอร์ยิ่งทะลุเพดาน นี่ล่ะมั้ง ความเข้าใจยากของคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่ผมกลับขนานนามมันว่า..น้ำจิ้มของชีวิต
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)